//
Short fic
When sunrise, When I’m inside you
#markmin
chapter two
rate, 18+
hashtag, #ตะวันฉายแสง
//
“มาร์คัสไปไหน”
เสียงแจ้วของคุณหนูเจสเปอร์ดังขึ้นทำลายความเงียบพร้อมกับแรงลมพัดเบาให้ผมสีทองสลวยปลิวลู่ไปเล็กน้อย
สาวรับใช้รับเอาแก้วเปล่าไร้ซึ่งของเหลวอย่างน้ำองุ่นก่อนหน้านี้ไปวางไว้บนถาดด้วยท่าทางอำอึ้งเก้กังให้ร่างผ่องเกิดความสงสัย
“มาร์คัสไปไหน”
เสียงถามย้ำนิ่งๆ แต่กลับกดเข้มยิ่งเพิ่มความเป็นกังวลให้สาวรับใช้มากขึ้นก่อนที่เบลล์สาวรับใช้คนสนิทจะเดินเข้ามาใกล้พร้อมทั้งเอาเสื้อคลุมสีขาวมาสวมใส่ให้เจ้าของร่างผ่องอย่างช้าๆ
พลางเริ่มเกริ่นพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบและค่อยเป็นค่อยไป
“คุณมาร์คัสได้รับเรื่องจากคุณท่านกะทันหันเมื่อคืนค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“ไม่ทราบค่ะคุณหนู”
“แต่มาร์คัสเป็นคนสนิทของฉัน
คุณพ่อต้องบอกฉันด้วยสิ”
คุณหนูแสนเอาแต่ใจเริ่มมีทีท่าทางหงุดหงิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินสิ่งที่สาวรับใช้พูดบอกออกมา
คิ้วเรียวสวยเข้ารูปเริ่มขมวดเข้าหากันแน่นก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นตามมาด้วยร่างสูงของพี่ชายร่วมสายเลือดของคุณหนูเจสเปอร์เดินเข้ามาในห้อง
ใบหน้าคมคายพยักเพยินหน้าให้สาวรับใช้เดินออกไปจากห้องก่อนที่เจโน่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างผ่องของน้องชายของตัวเองด้วยท่าทีอันสงบนิ่ง
“มีอะไร”
ร่างผ่องเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองพี่ชายฝาแฝดของตัวเองพลางยกแขนเรียวขึ้นกอดอกเข้าหากันเพราะยังรู้สึกกรุ่นโกรธเรื่องที่เจโน่เข้ามาขัดจังหวะของตัวเองกับมาร์คัสเมื่อคืนนี้
“ไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยซะ
คุณพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะบอกน้องกันล่ะ”
“อย่าถามเยอะจะได้มั้ยเจสเปอร์พี่ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งตอบขนาดนั้น อยากรู้ก็ไปแต่งตัวเสียที”
“ชิ”
ปากบางสีชมพูเบะลงเล็กน้อยอย่างขัดใจเมื่อพี่ชายฝาแฝดของตัวเองชอบพูดออกมาอย่างไม่ค่อยแยแสร่างผ่องมากนักก่อนที่เท้าเล็กจะออกแรงกระทืบเท้าตอนเดินอย่างขัดอกขัดใจผ่านร่างสูงของเจโน่เพื่อเข้าไปยังห้องแต่งตัวของตัวเองทันที
“เฮ้อ
ถ้าน้องรู้เรื่องมาร์คัสน้องจะยังเป็นแบบนี้อยู่มั้ยเจสเปอร์”
เจโน่ถอนหายใจเบาๆ และพึมพำออกมาพลางยกมือใหญ่ของตัวเองเพื่อลูบใบหน้าอย่างเชื่องช้าก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องของน้องชายตัวเองไปพร้อมกับเอ่ยบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่หน้าห้องให้เข้ามารับช่วงต่อ
“คุณพ่อครับ”
เสียงใสเปล่งเรียกร่างสูงวัยห้าสิบกว่าที่ยืนหันหลังให้กับโต๊ะทำงานและประตูอยู่
ใบหน้าเคร่งขรึมในคราแรกลดทอนอ่อนลงและเผยยิ้มบางให้กับลูกชายตัวเล็กที่กำลังยืนเอามือไขว่หลังอยู่หน้าประตูด้วยความใจดี
“มานั่งสิลูก”
“คุณพ่อมีเรื่องอะไรกันครับถึงเรียกเจสเปอร์มาหาคุณพ่อที่ห้องทำงาน”
คุณหนูแสนเอาแต่ใจเอ่ยถามเข้าประเด็นทันทีเพราะปกติแล้วถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรมากคุณพ่อจะคุยที่โต๊ะอาหารเสมอแต่ครั้งนี้คงเป็นเรื่องสำคัญมากพอสมควรถึงเรียกร่างผ่องมาที่ห้องทำงานแบบนี้
“ลูกอยากไปหาคุณแม่มั้ย”
“คุณแม่อาการดีขึ้นแล้วหรือครับ”
“ใช่ครับ ตอนนี้อาการคุณแม่ดีขึ้นแล้ว
ลูกอยากไปหาคุณแม่ที่คฤหาสน์ริมธารมั้ย”
ร่างผ่องแสดงสีหน้าดีใจอย่างเปิดเผยพลางยิ้มกว้างออกมาเมื่อรู้ว่าคุณแม่ของตัวเองที่ต้องรักษาตัวจากโรคที่เป็นอยู่กำลังอาการดีขึ้นมาอีกขั้น
ใบหน้าเรียวเข้ารูปพยักรับคำถามคุณพ่อของตัวเองก่อนที่จะเอ่ยตอบกลับไปทันที
“ไปครับ
เจสเปอร์อยากไปหาคุณแม่”
“ถ้าอย่างนั้นลูกก็ไปเตรียมตัวได้เลย
พ่อจะให้คนขับรถไปส่งที่คฤหาสน์ริมธารเลยจะได้ไม่ไปถึงที่นั่นเย็นนัก”
เจสเปอร์ยิ้มรับคำของบิดาก่อนที่จะลุกขึ้นหยัดยืนอย่างดีใจก่อนที่คนตัวเล็กจะฉุกคิดและทำหน้าฉงนเล็กน้อยซึ่งมันแสดออกถึงความลังเลอยู่จนผู้เป็นพ่อต้องเอ่ยถามออกมา
“เจสเปอร์
ลูกมีอะไรอยากจะถามพ่อหรือเปล่า”
“เอ่อ
ลูกอยากถามเรื่องมาร์คัสครับ”
“…”
“มาร์คัสไปไหนเหรอครับคุณพ่อ”
คุณหนูตัวเล็กเอ่ยถามออกไปในที่สุดดวงตากลมใสทอดมองผู้เป็นพ่อที่มองอยู่เช่นเดียวกัน
คนอายุเยอะกว่าไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา คุณพ่อของเจสเปอร์ทำหน้านิ่งสงบก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งลงข้างตำแหน่งที่เจสเปอร์ยืนอยู่
คุณหนูที่เริ่มรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิมจึงนั่งลงกลับที่เดิมในตอนแรกที่ตัวเองนั่งอยู่พลางหันใบหน้าไปมองคุณพ่อที่กำลังก้มใบหน้าสายตาจดจ้องไปยังมือของตัวเองที่กุมเอาไว้ทั้งสองข้าง
“เรื่องของมาร์คัส
พ่อไม่ได้อยากปิดลูก”
หลังจากที่เงียบสงบกันอยู่นานสองนานคุณพ่อก็เริ่มเอ่ยปากพูดออกมา
คนตัวเล็กรู้สึกใจกระตุกเล็กน้อยที่จู่ๆ คุณพ่อก็พูดเหมือนมีอะไรปิดบังเขาอยู่
ริมฝีปากบางสีแดงราวกับลูกเชอร์รี่ถูกเม้มเข้าหากันเพราะหัวใจที่เต้นระรัวตึกตักในช่องอก
“ม
หมายความว่ายังไงครับคุณพ่อ”
“…”
“คุณพ่อมีเรื่องปิดบังลูก
เรื่องมาร์คัส?”
//
“ไปจัดการให้เรียบร้อย”
เสียงเข้มเอ่ยพูดสั่งท่ามกลางลูกน้องที่กำลังค่อมหัวรับคำอย่างเคร่งครัด
ชายชุดดำนับสิบคนที่ยืนรายล้อมอยู่ในคราแรกทยอยกันเดินออกจากห้องไปทันทีที่รับรู้หน้าที่ของตัวเองจากปากของคุณชายอย่างมาร์คัส
มือใหญ่ถูกยกขึ้นมาลูบที่ใบหน้าของตัวเองช้าๆ
ก่อนที่เสียงถอนหายใจจะดังออกมาพร้อมกับเสียงเปิดประตูดังขึ้นเรียกสายตาของมาร์คัสให้เหลือบขึ้นไปมอง
“มาร์คัส”
“เจสเปอร์เป็นยังไงบ้าง”
“ก็จะบอกว่าสบายดีก็คงไม่ได้
คงช็อคเรื่องนายน่าดู”
เขามองหน้าคนมาใหม่อย่างเจโน่ด้วยสายตานิ่งสงบหากแต่ในใจกลับร้อนรนเมื่อได้ยินว่าอีกคนที่เขาถามหานั้นคงกำลังรู้สึกแย่ไม่น้อยหลังจากรู้เรื่องของเขา
เขาขบกรามเข้าหากันแน่นพยายามคิดหาวิธีทางอย่างไรดีในการทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกแย่กับเรื่องของเขาหรือเขาจะลักลอบเข้าคฤหาสน์ของเจสเปอร์เพื่อไปหาคนตัวเล็กดี
“อย่าได้คิดจะแอบไปหาน้องฉันล่ะแต่ถึงนายไปยังไงก็คงไม่เจอน้องฉันที่คฤหาสน์แล้วล่ะ”
“หมายความว่ายังไง เจสเปอร์ไปไหน”
“เรื่องนั้นฉันคงบอกนายไม่ได้ แต่ไม่ได้เป็นการเดินทางไปที่ไกลๆ
หรอกนะฉันบอกนายได้แค่นี้”
มาร์คัสเท้ามือลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมาแม้มันจะไม่ช่วยให้ความรู้สึกคับอกอึดอัดหายออกไปแต่อย่างใดแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแย่ลงกว่าเดิมนักก่อนที่จะเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคุณชายเจโน่ตรงหน้าเอ่ยถามถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมา
“ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน”
“…”
“นายหามันเจอหรือยัง”
“ฉันส่งคนไปเอาตัวมันมาแล้วเหลือแค่เค้นถามมันเท่านั้นว่าใครอยู่เบื้องหลัง”
เขาเอ่ยตอบเจโน่กลับไปพลางก่อนจะยื่นข้อมูลในแฟ้มสีดำสนิทส่งให้อีกฝ่าย
พี่ชายฝาแฝดของเจสเปอร์รับไปถือก่อนที่จะเปิดดูประวัติด้านในเล่มก่อนที่จะสอดสายตาขึ้นมามองเขาพร้อมกับกดยิ้มที่มุมปากแล้วปิดแฟ้มลง
“ถ้าพ่อฉันเห็นข้อมูลนี่คงใจอ่อนกับนายขึ้นมาบ้างแหละนะ”
“ฉันไม่อยากใช้เรื่องนี้เพื่อชนะใจคุณท่านหรอก”
“ศักดิ์ศรีตระกูลนักฆ่าของนายมันค้ำคอหรือยังไง”
คำว่าตระกูลนักฆ่ามันก็เป็นเพียงคำพูดภายนอกที่ตระกูลของมาร์คัสแบกรับไว้เท่านั้นแหละมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจำต้องชื่นชมหรือชูคอรับมันไว้เคียงบ่าเสียเท่าไหร่
แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากให้เรื่องงานพวกนั้นของตระกูลมาคอยบังหน้าเป็นสิ่งเยินยอแทนการกระทำของตัวเองจริงๆ
ก็คงเป็นเพราะความรู้สึกอันสัตย์จริงที่มีต่อคุณหนูแสนเอาแต่ใจ
“เปล่า”
“…”
“ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายต่างหากที่มันค้ำคอฉันอยู่”
เสียงกระทบของจังหวัดการเดินของเจ้าของร่างสูงภายใต้ชุดสูทสีดำที่กำลังก้าวเดินอย่างมั่นคงก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะผลักเปิดบานประตูหนาซึ่งทำมาจากเหล็กกว้า
ดวงตาคมเฉียบกวาดไปมองคนในห้องขนาดสีเหลี่ยมกว้างช้าๆ
ก่อนที่จะหยุดสายตาลงที่ร่างสะบักสะบอมของบุคคลหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เหล็กโดยมีชายชุดดำยืนประกอบข้างอยู่ไม่ห่าง
“มันยอมพูดแล้วครับคุณชาย”
“ทำดีมากเชสเตอร์”
ชายร่างสูงนามเชสเตอร์ผงกหัวรับคำของคุณชายที่ตัวเองเคารพก่อนที่มาร์คัสจะเยื้องย่างสาวเท้าเข้าใกล้หนอนบ่อนไส้ที่กำลังนั่งอยู่นิ่งๆ
โดยที่มีเลือดสีเข้มเหนียวข้นไหลออกมาจากปากเป็นสาย
เขามองมันด้วยสายตาพิจารณาก็พอจะเดาออกได้ว่าหนอนบ่อนไส้ตัวนี้คงไม่ใช่มืออาชีพมากมายเสียเท่าไหร่
ดูจากบาดแผลที่ถูกคนของมาร์คัสซ้อมแล้วถือว่าเล็กน้อยพอสมควรในการยอมปริปากสารภาพบางอย่างออกมา
แต่สิ่งที่เขาไม่ประมาทก็คงเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของมันถึงหนอนบ่อนไส้ตัวนี้มันจะอ่อนหัดมากขนาดไหนก็จริงแต่คนที่นั่งเก้าอี้กุมบังเหียนอยู่เบื้องหลังคงมีอำนาจไม่น้อยไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถทำแผนให้หนอนบ่อนไส้อ่อนๆ
ซับซ้อนได้มากขนาดนี้
“ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
น้ำเสียงติดเรียบนิ่งแต่แฝงความดุดันของมาร์คัสเอ่ยถามขึ้นทันที
มันเงยหน้าสะบักสะบอมของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะมองสบตากับเขาด้วยแววตาสั่นไหวระริกเพราะความกลัว
“หึ
คุณชายมาร์คัสมีความสามารถมากเลยนะครับที่ตามควานหาตัวผมจนเจอ”
“….”
“สมกับเป็นตระกูลนักฆ่าเวอร์เลนซ์จริงๆ
นะครับ…”
“เลิกเล่นลิ้นกับฉันสักที”
กึก!
มาร์คัสเอ่ยตัดบทด้วยคำพูดราบเรียบแต่ดวงตาคมยังคงจดจ้องไปยังดวงตาที่สั่นไหวของมันอย่างเชือดเฉือน
หนอนบ่อนไส้ตรงหน้ากลืนน้ำลายอึกใหญ่ในตอนที่เชสเตอร์ยกกระบอกปืนสีดำขลับมาจ่อที่ขมับหลังจากปลดเซฟตี้แล้วนั่นบ่งบอกได้ว่าสมองของมันพร้อมถูกเป่ากระจายเมื่อไหร่ก็ได้
“ค คุณชายไม่ห่วงเธอเหรอครับ”
“…”
“ระหว่างที่คุณชายจัดการผมอยู่ที่นี่คุณเจเรดคงไปถึงตัวคุณเจสเปอร์แล้ว”
//
“เจสเปอร์”
“คุณแม่ครับ”
เจ้าของร่างเล็กวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นมารดาทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ
หัวเล็กๆ นั่นซุกไปกับบ่าของแม่อย่างออดอ้อนก่อนที่จะผละออกเพื่อยื่นใบหน้าเข้าไปหอดแก้มของคุณแม่ที่ตอบเล็กเล็กน้อยจากโรคที่เป็นอยู่
“เข้าในไปในบ้านกันเถอะครับลูก”
“ครับ”
“แล้วพี่เจโน่ไม่มากับเจสเปอร์เหรอคะ”
“ไม่ครับ
เห็นบอกว่าต้องไปทำงานอะไรสักอย่าง”
คุณแสนเอาแต่ใจกลับกลายเป็นยัยคุณหนูขี้อ้อนยามที่อยู่กับพูดเป็นแม่เสียงเอ่ยโต้ตอบคำถามของเจสเปอร์ดังเจื้อยแจ้วไปทั่วทางโถงเดินระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพากันไปยังห้องนั่งเล่น คุณหนูเจสเปอร์ก็ทักทายคุณมาเรียสาวใช้คนสนิทของคุณแม่ด้วยความคิดถึง
คนตัวเล็กมักจะเรียกรอยยิ้มและความเอ็นดูจากคนของคุณแม่ได้เสมอจนกระทั่งทั้งคู่เดินมาถึงห้องนั่งเล่นกว้างที่เจสเปอร์ไม่ได้มานาน
ทุกๆ อย่างคงคล้ายเดิมทั้งโซฟากำมะหยี่สีครีม
โต๊ะกลมเล็กและที่นั่งจิบชาริมหน้าต่างที่ยังมีแสงอาทิตย์ลอดเข้ามาแต่ที่เปลี่ยนอย่างหนึ่งก็คงเป็นผืนผ้าใบที่ถูกแต่งแต้มด้วยลวดลายดอกไม้สวย
คุณแม่ของเจสเปอร์เป็นคนที่วาดรูปสวยมากคนัวเล็กจึงชอบที่จะมานั่งดูมารดาละเลงปลายพู่กันที่เปื้อนด้วยสีน้ำจากธรรมชาติเสมอพร้อมทั้งวาดรูปไปกับคุณแม่ด้วยเช่นกัน
“หิวมั้ยครับลูก”
คนตัวเล็กทำท่าคิดพลางเอามือแตะที่ข้างแก้มราวกับนึกถามตัวเองว่าหิวหรือเปล่าแต่ในวินาทีต่อมาก็เอ่ยตอบคนเป็นมารดากลับไปด้วยรอยยิ้มหวานและสีหน้าทะเล้นจนได้รับฝ่ามืออุ่นมาลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดูของคุณแม่
“อืม… หิวครับ”
“ป้ามาเรียทำของโปรดคุณเจสเปอร์ไว้ด้วยนะคะ”
“หรือว่า…”
คุณหนูขี้อ้อนหันไปยิ้มกว้างให้คุณป้ามาเรียคนสนิทก่อนที่จะหัวเราะเบาๆ
เพราะโดนคุณแม่เอ่ยพูดอย่างรู้ทันเสียก่อน
“เค้กช็อคโกแลตชิ้นเดียวนะครับ
แม่ไม่อยากให้หนูปวดท้อง”
“ครับ”
คนตัวเล็กยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะนั่งลงข้างคุณแม่ที่กำลังเริ่มลงมือวาดรูปดอกไม้ต่อ
รอยยิ้มบางกระจ่างจากมารดาทำให้คุณหนูเจสเปอร์รู้สึกหัวใจอบอุ่นขึ้นมาแม้ว่าความรู้สึกหลากหลายอย่างที่เก็บซ่อนเอาไว้กลับไม่จางลงเลยสักนิด
เรื่องของมาร์คัสยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเล็กๆ
ทั้งคำพูดการบอกเล่าของคุณพ่อทำให้เจสเปอร์คิดไม่ตก
คุณหนูแสนเอาแต่ใจนั่งเงียบนิ่งพลางเหม่อมองรูปดอกไม้ของคุณแม่ด้วยแววตาเศร้าสร้อย
เขาคิดถึงมาร์คัสคำนั้นมันวนเวียนซ้ไปซ้ำมาไม่หยุดแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายแอบแฝงเข้ามาในตระกูลเขาเพราะต้องการบางอย่างที่ไม่ได้หมายถึงสินทรัพย์ล้ำค่าแต่เป็นชีวิตของคนในตระกูลเจสเปอร์ก็ตาม
หัวใจดวงน้อยกลับเรียกหาอีกฝ่ายจนคนตัวเล็กรู้สึกปวดใจไปหมด
แม้คุณหนูเจสเปอร์จะยังรู้ความจริงไม่หมดจากปากของผู้เป็นพ่อเพราะบิดาต้องการให้รู้เรื่องเพียงแค่นั้น
เขาก็อดรู้สึกแย่และรู้สึกโหยหาอีกฝ่ายไม่น้อย
คนเป็นพ่อบอกคนตัวเล็กเพียงว่าถ้าหากเรื่องทุกอย่างจบด้วยดีแล้วเขาอาจจะมีสิทธิ์ได้พบหน้ามาร์คัสอีกก็ได้
แต่คุณพ่อไม่ให้สัญญาว่าเจสเปอร์จะได้เจออีกคนเพราะสิ่งที่มาร์คัสทำอยู่เป็นเรื่องที่อันตรายและมาร์คัสต้องเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างจนจบเรื่องนี้
เขาไม่ถามต่อไม่ซักไซ้อะไรจากคุณพ่ออีกเพราะทั้งหมดเขารู้เพียงแค่ว่าที่มาร์คัสยอมบอกเรื่องทุกอย่างและยอมเป็นฝ่ายกลายเป็นเป้าจากตระกูลที่จ้างมาร์คัสเพราะการผิดสัญญา
มาร์คัสยอมเสี่ยงเป็นอันตรายและรับมือกับเรื่องทั้งหมดจากการที่ผิดแผนเพียงเพราะอีกคนรักเจสเปอร์
“ผมรักคุณหนูเจสเปอร์จากทั้งหมดของหัวใจและไม่อาจให้เขาต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้ายและความรู้สึกเสียใจที่เกิดจากการกระทำของผมได้เพราะอย่างนั้นผมจะรับผิดชอบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
To Be
Continue.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น