(os) capture your body on
my photo.
Mark
x Jaemin
//
แชะ! แชะ!
“ดีครับ… สวยครับ” เสียงรัวชัตเตอร์จากกล้องตัวหรูราคาแพงดังขึ้นมาเป็นระยะคละเคล้าเสียงเอ่ยพูดชมนายแบบจากคนด้านหลังเลนส์ที่กำลังขะมักเขม้นในการจัดองศาตัวเองและขยับกล้องในมือเพื่อต้องการที่จะถ่ายภาพให้ออกมาดีที่สุดก่อนที่เสียงชัตเตอร์จะดังขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้งและอีกครั้ง
แชะ!
“โอเคครับ… เรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณทุกคนมากนะครับ” สิ้นเสียงชัตเตอร์ที่ลั่นในครั้งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงของตากล้องมือหนึ่งที่เอ่ยพูดบอกออกมา
ทั้งสตาฟ ทีงานและนายแบบมากหน้าหลายตาก็เอ่ยพูดตอบขอบคุณกลับมารวมทั้งค่อมตัวโค้งอย่างเป็นมารยาทให้ซึ่งกันและกันก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองในช่วงสุดท้ายของการทำงานในวันนี้
เจ้าของกล้องตัวหรูทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาที่ถูกจัดวางไว้พร้อมกับวางกล้องตัวโปรดลงบนโต๊ะตรงหน้าของตัวเอง
แต่หลังจากที่อีกฝ่ายนั่งลงได้เพียงครู่เดียวเท่านั้นเครื่องมือสื่อสารก็เกิดการสั่นครืดจนช่างถ่ายภาพมือหนึ่งถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม
“ฮัลโหล” น้ำเสียงห้วนห้าวถูกกรอกลงไปในสายหลังจากที่เห็นรายชื่อของผู้โทรเข้าพลางทอดสายตาไปมองยังสตาฟหลายคนที่กำลังเริ่มเก็บฉากและอุปกรณ์ต่างๆในสตูดิโอ
[ว่างรับสายแล้วเหรอครับคุณมาร์ค]
“มีธุระอะไร”
[อย่ารีบเข้าเรื่องนักซี่เพื่อนรัก]
“เลิกกวนตีนทีเจย์… มีอะไรก็รีบๆพูดมา
ฉันไม่ได้เหมือนแกนะ” พูดออกไปอย่างไม่จริงจังมากนักและนั่นทำให้ตากล้องมือหนึ่งได้รับเสียงหัวเราะขำกลับมาจากคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนสนิทของตัวเองจนเขาอดที่จะกลอกตาไปมาอย่างนึกรำคาญไม่ได้
[หึหึ… โอเคๆ]
“ว่ามา”
[มีเรื่องวานให้แกช่วยหน่อย]
“ให้ช่วย? เรื่องอะไรล่ะ… แต่ไม่เอาแบบคราวที่แล้วที่แกให้ไปถ่ายฉากอย่างว่านะเจย์
ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะขับรถไปต่อยแกที่บริษัทตอนนี้ล่ะ”
[โนๆ
อันนี้ต้องให้แกช่วยจริงๆ] เพื่อนสนิทของมาร์ครีบเอ่ยปฏิเสธออกมาอย่างรวดเร็วปะปนเสียงหัวเราะน้อยๆที่ยังดังลอดผ่านสายเข้ามาให้ได้ยินอยู่แว่วๆ
“เออ”
[พรุ่งนี้มีงานถ่ายภาพในนิตยสารx เดือนธันวาฯ
แต่ว่าช่างภาพเขาเกิดอุบัติเหตุเมื่อเช้าพรุ่งนี้เลยไม่สามารถไปทำงานนี้ได้
เพราะงั้นแกก็เลยต้องไปทำงานแทน]
“เดี๋ยวๆ
พรุ่งนี้ฉันก็มีงานนะเจย์”
[ฉันหาช่างภาพแทนให้แล้ว
ส่วนแกก็ไปทำงานนี้เพราะงานนี้งานใหญ่เขาขอช่างภาพประสบการณ์สูง] มาร์คส่งเสียงจิ๊ปากออกมาอย่างขัดใจเล็กน้อยเมื่อเจย์พูดบอกออกมาแบบนั้น
ช่างภาพมือหนึ่งเอื้อมหยิบกล้องตัวโปรดมาใส่กระเป๋ากล้องให้เรียบร้อยก่อนที่จะขยับตัวลุกขึ้นยืนเมื่อสตาฟในสตูเริ่มเก็บของใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“แกหาให้จนเสร็จสรรพแล้ว
ฉันจะปฏิเสธได้ยังไงวะ”
[โอะ… นั้นสินะ]
“กวนประสาทชิบ…”
[ฮ่าๆ อย่าลืมไปทำงานของพรุ่งนี้ล่ะ
รายละเอียดจะส่งไปให้ทีหลัง]
“เออ”
มาร์คกำลังเกิดอาการหัวเสียขั้นหนักเมื่อตอนนี้ล่วงเวลาในการถ่ายมาเกือบจะยี่สิบนาทีแล้วแต่นายแบบของงานยังไม่โผล่หน้ามาให้เขาได้เห็นเลยสักนิดเดียว
สตาฟต่างก็พากันกระวนกระวายใจและโทรหาผู้จัดการของนายแบบคนดังกล่าวกันจนวุ่นวายไปหมด
ยิ่งเสียเวลายิ่งทำให้งานทุกอย่างและทุกขั้นตอนดำเนินช้าลง
การถ่ายทำเซตที่มีถึงหกเสร็จก็จะยิ่งล่วงเวลามากกว่านั่นหมายความว่าการถ่ายทำจะกินเวลายาวนานเกินกำหนดเวลาที่วางเอาไว้
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาสั่นอย่างแรงเนื่องจากมีสายเรียกเข้า
มือหนาล่วงลงไปหยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะกดรับและกรอกเสียงผ่านสายไปอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
“นายแบบแกเลท…”
[ใจเย็นเพื่อน… พอดีนายแบบของงานเขาตกบันไดเมื่อเช้ากระดูกร้าวคงไปถ่ายงานไม่ได้แล้ว]
“งานวันนี้ต้องแคนเซิลว่างั้น?”
[โน ฉันติดต่อนายแบบใหม่ให้แล้วน่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ]
“คุณมาร์คคะ” เฮดสตาฟคนของงานเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าดีใจเล็กน้อยนั่นทำให้ตากล้องมือหนึ่งจำต้องเอ่ยลาเพื่อนและวางสายทันที
“ครับ”
“นายแบบใหม่มาแล้วค่ะ” เธอบอกออกมาพร้อมกับชี้ไปที่ห้องแต่งตัวที่ตอนนี้เหล่าช่างแต่งหน้าและสไตลิสกำลังกรูกันเข้าไปด้านใน
มาร์คพยักหน้าและยิ้มรับให้เธอเล็กน้อยก่อนที่มาร์คจะบอกให้เธอไปบรีฟงานกับนายแบบใหม่ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มถ่าย
มาร์คเริ่มจัดการเช็คฉากและกล้องของตัวเองเล็กน้อยพร้อมกับหันไปหาช่างไฟที่กำลังเริ่มจัดไฟให้เข้าที่อีกครั้ง
เสียงพูดคุยและเสียงรองเท้าหลากหลายคู่เดินเข้ามาเรื่อยๆนั่นทำให้มาร์ครู้ว่านายแบบคนใหม่คงจะแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วเรียบร้อย
“เสร็จหรือยังครับ” เขาผละสายตาออกจากกล้องตัวโปรดที่ถูกหยิบขึ้นมาเตรียมรอก่อนที่จะหันไปมองยังแผ่นหลังของช่างแต่งหน้าที่ยังคงสาละวนอยู่กับใบหน้าของนายแบบคนใหม่อยู่
เธอหันมาโค้งขอโทษเล็กน้อยแล้วผละออกจากนายแบบคนใหม่
ลมหายใจของมาร์คสะดุดไปครู่หนึ่งเมื่อสบตากับนายแบบคนใหม่ที่เพื่อนสนิทเขาส่งมาให้ก่อนที่จะตามมาด้วยความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาคือ
คิดถึง
“ขอโทษที่มาช้านะครับคุณมาร์ค” ผู้ชายตัวเล็กที่เขาจำได้ดีว่าเป็นผู้จัดการของอีกฝ่ายเอ่ยพูดออกมาเสียงเบาพร้อมกับโค้งเล็กน้อยเพื่อขอโทษด้วยเช่นกัน
“ไม่เป็นอะไรครับคุณอินจุน”
“เอ่อ…” ผู้จัดการตัวเล็กทำสายตาลอกแลกจนมาร์คต้องหันไปมองใบหน้าของนายแบบคนใหม่แต่อีกฝ่ายก็หันใบหน้าหนีเขาทันทีที่สายตาของเราทั้งคู่สบกัน
มาร์คเผลอยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์โดยที่ยังไม่ผละสายตาออกจากเจ้าของใบหน้าดื้อรั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเริ่มงานกันเถอะครับ… คุณแจมิน”
งานถ่ายภาพดำเนินมาได้อย่างรวดเร็วด้วยความเป็นมืออาชีพของช่างภาพและนายแบบทำให้ทุกอย่างทำได้อย่างคล่องแคล่วโดยไม่มีสะดุด
แจมินขยับเคลื่อนตัวไปตามสัญชาตญาณแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ที่ได้รับมาได้อย่างไม่มีหลุดรวมทั้งมาร์คเองที่ยังถ่ายภาพได้อย่างสวยงามและปรับมุมองศาการถ่ายภาพให้ออกมาที่ดีสุด
“สวยครับ…” เสียงชมจากคนหลังเลนส์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อแจมินปรับเปลี่ยนท่าของตัวจากยืนหมุนตัวหันหลังให้กล้องเป็นนั่งย่อลงก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการนั่งลงบนพื้นปูนเปลือยเย็นๆนั่นแล้วเหยียดขาออกตามด้วยการพาดทับขาไขว้กันไว้
มือทั้งสองข้างท้าวยันแขนของตัวเองไปด้านหลังเผยให้เห็นไหล่ทั้งสองข้างที่ยึดตรึง
ใบหน้าน่ารักเรียบนิ่งและเชิดขึ้นราวกับเด็กนิสัยดื้อรั้น สบดวงตาต่ำลงเพื่อมองเลนส์กล้องตรงปลายเท้า
มาร์คเผลอมองท่าทางของแจมินด้วยสายตาที่แปลกไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อเรียกสติของตัวเองรวมทั้งแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากไปเล็กน้อย
จวบจนเสียงลั่นชัตเตอร์ครั้งสุดท้ายดังขึ้นมาร์คขยับยืดตัวเต็มความสูงพร้อมกับหันใบหน้ากลับไปมองแจมินที่หันมาสบตากันเข้าพอดิบพอดีนั่นทำให้มาร์คเผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า
“เรียบร้อยแล้วครับ
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยนะครับ”
“ขอบคุณเช่นกันค่ะ/ครับ” สตาฟและทีมงานคนอื่นๆต่างก็เอ่ยตอบรับกลับมาพร้อมกับโค้งตัวตอบรับกลับด้วยเช่นกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่สุดท้ายของตัวเองในวันนี้
มาร์คเดินกลับไปเก็บอุปกรณ์ในการถ่ายรูปของตัวเองที่วางเอาไว้รวมทั้งจดจ้องภาพถ่ายโดยฝีมือเขาผ่านหน้าจอมอนิเตอร์
ภาพสุดท้ายบนหน้าจอชวนให้มาร์คเผลอมองอยู่นานก่อนที่จะผละสายตาออกเพื่อมองไปยังแจมินที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป
“สีผมใหม่สวยดีนะครับ… คุณแจมิน” ว่าออกมาพลางยิ้มที่มุมปากอย่างที่ชอบทำ
แจมินเหลือบหางตากลับมามองที่มาร์คหลังจากได้ยินประโยคกึ่งชื่นชมกึ่งท้าทายเล็กน้อยจากตากล้องมือหนึ่ง
“เดี๋ยวสิครับ” มาร์คเอ่ยรั้งนายแบบหน้าหวานไว้พร้อมทั้งเอื้อมมือมาดึงรั้งเข้าที่ข้อมือเรียวของแจมินจนเของข้อมือถึงกับตัวหันไปตามแรง
“นี่! ปล่อย!”
“แจม…” เจ้าของข้อมือหยุดยั้งการงัดแกะก้านนิ้วของมาร์คทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเอง
ชื่อที่มีแค่มาร์คคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเรียกแจมินได้ ก่อนที่นายแบบหน้าหวานจะปล่อยแขนลงข้างลำตัวพร้อมกับจดจ้องดวงตามาร์คกลับไป
“อย่ามาเรียกชื่อนั้นนะ” สุ้มเสียงหวานเอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติแต่ก็ยังคงปะปนไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นมาแล้วอยู่ดี
“ปกติพี่ก็เรียกเธอแบบนี้”
“ตอนนี้มันไม่ปกติไง!”
“ไม่ปกติยังไงครับ”
“มาร์ค!” เขาก็แค่แกล้งเด็กน้อยคนหนึ่งเล่นเท่านั้น
ทำไมมาร์คจะไม่รู้ว่าคำว่าไม่ปกติของแจมินหมายถึงอะไรและทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งแง่อารมณ์เสียใส่เขาแบบนี้เพราะอะไร
“เธอต้องกลับพร้อมพี่”
“ไม่มีทาง” เจ้าของใบหน้าดื้อรั้นเอ่ยพูดออกมาก่อนที่จะสะบัดใบหน้าหนีมาร์คไปด้านข้างนั่นยิ่งทำให้ตากล้องมือหนึ่งรู้สึกชอบใจกับปฏิกิริยาแสนน่ารักของอีกคน
“แจมินนี่!” เสียงของผู้จัดการตัวเล็กดังขัดขึ้นมาก่อนที่มาร์คจะได้เอ่ยพูดกับแจมินต่อนั่นทำให้อีกคนได้โอกาสต้องแยกตัวเดินหนีออกไป
“ว่าไงอินจุน”
“คือแบบว่า…”
“หือ? ว่า?” เสียงบทสนทนาที่ดังอยู่ใกล้ๆทำให้มาร์คจำต้องเสสายตาหันมองไปทางอื่นแทน
มือหนาของเขาถูกยกขึ้นมาบีบเข้าที่ต้นคอของตัวเองไปพลาง
“แจมินนี่กลับเองได้มั้ยอ้า…”
“อ้าว
ไหงงั้นล่ะ”
“แหะๆ
เรามีธุระด่วนนะซี่”
“แต่ว่ามันดึกแล้วอะ” ใบหน้าของมาร์คหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเจ้าของบทสนทนาเมื่อครู่ก่อนที่ผู้จัดการตัวเล็กจะเสสายตามาสบเข้ากับเขาพอดิบพอดี
“เอ่อ… คุณมาร์คครับ”
“ครับ?” มาร์ครับรู้ความช่วยเหลือผ่านแววตาของผู้จัดการตัวเล็กได้อย่างชัดเจน
ก่อนที่อินจุนจะยกยิ้มแหย่ๆกลับมาให้พร้อมกับคำพูดเอ่ยขอร้อง
“ผมรบกวนคุณมาร์คสักนิดได้มั้ยครับ”
“ครับ?”
“คือผมฝากคุณมาร์คพาแจมินนี่กลับด้วยได้มั้ยครับ”
“อา… ได้สิครับ”
“ขอบคุณ…”
“แจม” มาร์คเอ่ยเรียกชื่อตุ๊กตาหน้ารถจำเป็นที่กำลังปลดสายเบลท์ออกจากลำตัวพร้อมกับหันใบหน้าไปมองเสี้ยวหน้าของคนด้านข้าง
ความมืดและเงียบรวมทั้งอากาศเย็นๆจากแอร์บนรถชวนให้ทุกอย่างมันดูสงบนิ่งไปเสียหมด
“…”
“โอเคครับ… พี่ยอมแพ้เธอแล้ว
ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าต้องทำงานยาวทั้งอาทิตย์”
“…”
“ขอโทษที่พี่ไม่ได้กลับมานอนกับเธอเลย”
“พูดง่ายไปมั้ย” คนข้างๆพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่มาร์ครับรู้ได้ว่ากำลังน้อยใจก่อนที่นายแบบหน้าหวานจะเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไปโดยไม่รีรอมาร์ค
แต่มาร์คก็ไม่ปล่อยให้อีกคนหนีขึ้นคอนโดไปได้ง่ายๆ เขาเองก็เปิดประตูรถออกไปพร้อมกับกดล็อคเสร็จสรรพ
ก้าวขายาวๆให้ทันอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินไปขวางแจมินด้วยความรวดเร็ว
“หลบไปเลย”
“วันนี้พี่จะนอนกับเธอไง”
“ไม่อนุญาต”
“เธอไม่อนุญาตแต่พี่ก็จะนอน”
“มาร์ค” แจมินเรียกชื่อของเขาออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็งๆพร้อมทั้งขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะต้องก้าวขาฉับเดินเข้าลิฟต์ตามแรงลากจูงโดยฝีมือช่างภาพมือหนึ่งที่กำลังถือวิสาสะจับที่ข้อมือของนานยแบบหน้าหวาน
“ทำยังไงเธอถึงจะหายงอนพี่”
มาร์คเอ่ยพูดถามออกมาขณะที่ลิฟต์ของคอนโดกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปยังชั้นของพวกเราทั้งคู่
มือของมาร์คยังคงจับรัดรอบข้อมือเรียวของแจมินเอาไว้ก่อนที่จะขยับเคลื่อนมือเปลี่ยนมาสอดประสานนิ้วกอบกุมมือบางไว้แทน
“แจมครับ” มาร์คออกแรงกระชับฝ่ามือให้เข้ามาแนบชิดแจมินมากกว่าเดิมพร้อมกับยื่นใบหน้าคมนั่นเข้ามาใกล้แจมินมากกว่าเดิมจนนายแบบหน้าหวานจำต้องหันใบหน้าไปมองอย่างอดไม่ได้
ระยะห่างของใบหน้าที่เหลือเพียงคืบเดียวทำให้ทั้งสองคนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน
แววตาสีดำสนิทของมาร์คยังเป็นสิ่งที่แจมินชอบมองเสมอแต่ตอนนี้นายแบบหน้าหวานกำลังงอนช่างภาพมือหนึ่งอยู่นั่นทำให้เจ้าของบหน้าน่ารักรีบเบนสายตาหนีมาร์คไปมองที่ริมฝีปากของมาร์คแทน
แต่แจมินคิดผิดที่เลือกที่จะวางสายตาไว้ตรงนี้
มาร์คกำลังแลบลิ้นชื้นของตัวเองเลียริมฝีปากช้าๆเมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมยี่ห้อเดิมที่เขาจำได้ว่าเป็นคนเลือกให้แจมิน
ดวงตากลมโตใสของคนตรงหน้าประกอบกับกลีบปากสีชมพูวาวของอีกคนที่กำลังถูกขบกัดด้วยฟันซี่สวยอย่างลืมตัวของแจมินชวนให้คนขี้คิดถึงอย่างมาร์คกำลังเกิดอาการแปรปรวนที่ช่องท้องทันที
“หยุดทำสายตาแบบนั้นเลยนะ”
“หืม… แบบไหนครับ”
“แบบที่มาร์คกำลังทำอยู่นั้นแหละ” แจมินเอ่ยบอกออกมาพลางขยับใบหน้าถอยออกห่างเล็กน้อยเนื่องจากมือปลาหมึกของมาร์คกำลังสอดรัดโอบกอดดึงรั้งเอวของเขาให้เข้าไปใกล้มากขึ้นกว่าเดิมจนปลายจมูกแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ
เสียงเตือนลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับหยุดเคลื่อนไหวเมื่อถึงชั้นที่กดไว้
แจมินได้โอกาสเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดของมาร์คก่อนที่จะก้าวยาวๆให้ถึงห้องของตัวเองเร็วแต่มาร์คก็ยังคงเดินตามมาทันอยู่ดีพร้อมกับถือวิสาสะอีกครั้งชิงแตะคีย์การ์ดห้องของแจมินก่อนแล้วดันแผ่นหลังให้นายแบบหน้าหวานเดินเข้าห้อง
ไม่ทันพ้นประตูหน้าห้องมาร์คก็พลิกตัวดันแจมินเข้ากับกำแพงทันที
นั่นทำให้เจ้าของดวงตากลมใสตวัดสายตามองช่างภาพมือหนึ่งที่กำลังเริ่มทำรุ่มร่ามกับใบหน้าของตัวเอง
มืออุ่นของมาร์ควางประกบแก้มนิ่มทั้งสองข้างของแจมินไว้เพื่อล็อคใบหน้าไม่ให้แจมินขยับใบหน้าหนีอย่างรู้ทัน
“แจมครับ…”
“ไม่”
“เธอหายงอนพี่นะครับ” สิงโตตัวใหญ่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์เท่าที่ตัวเองจะทำได้เพื่อให้ลูกแมวตัวเล็กเห็นใจกันสักนิดอีกอย่างระยะที่ใกล้กันเพียงแค่ลมหายใจกั้นแค่นี้รวมทั้งกลิ่นกายหอมอ่อนๆยิ่งกระตุ้นให้มาร์คอยากจะกอดคนตรงหน้ามากกว่าเดิม
“มาร์คก็รู้ว่าเราไม่ชอบนอนคนเดียวอะ” เสียงหวานยอมเอ่ยพูดออกมาด้วยความงอแงเมื่อโดนมาร์คจ้องตาอย่างไม่ลดละรวมทั้งริมฝีปากสีชมพูที่เบะลงนั้นทำให้มาร์คอยากจะยื่นปากของตัวเองเข้าไปประกบบดจูบเพื่อปลอบโยนนัก
“เรารู้ว่ามาร์คต้องทำงานทั้งอาทิตย์
แต่ก็กลับมานอนกับเราบ้างไม่ได้เหรอมันเหงานะ… แถมคิดถึงจนจะตายอยู่แล้ว” คนโดนข้อหากระตุกยิ้มอย่างนึกชอบใจเมื่อเจ้าของใบหน้ารั้นเอ่ยคำพูดคำจาสุดน่ารักออกมายิ่งทำให้มาร์คขยับเบียดกายเข้าไปหามากขึ้นกว่าเดิม
“เธอพูดจาน่ารักไปแล้วนะครับ” ริมฝีปากของมาร์คฉวยโอกาสกดจูบแผ่วเบาลงกลีบปากบางของนายแบบหน้าหวานโดยไม่ได้รุกล้ำก่อนที่จะตามมาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอนจากคนที่โดนขโมยจูบไป
“นี่! เรางอนมาร์คอยู่นะ!”
“หายงอนพี่นะครับ
พี่จะกลับมานอนกับเธอทุกวันเลยคนดี”
“…”
“นะครับ”
“อือ… ก็ได้” แจมินส่งเสียงตอบรับกลับมาก่อนที่มาร์คจะกดสัมผัสนุ่มหยุ่นเข้าไปบดเบียดกลีบปากสีชมพูของแจมินอีกครั้ง
มาร์คจดจ้องดวงตาใสที่กำลังหลับพริ้มลงรับริมฝีปากของมาร์คที่กำลังขยับขบเม้มและดูดดึงกลีบปากของแจมินอย่างเอาแต่ใจจนนายแบบหน้าหวานครางท้วงออกมาในลำคอ
ยิ่งแจมินตอบสนองกลับรสจูบด้วยการบดเบียดริมฝีปากกลับมารวมทั้งไล่เลียกรอบปากของตัวเองหลังจากที่มาร์คถอนจูบออกไปแล้วนั่นยิ่งทำให้มาร์คอยากที่จะกอดแจมินให้แน่นๆเสียจริง
“ให้ตายเถอะแจมิน…
พี่อยากกอดเธอจนจะบ้าอยู่แล้วนะ”
“มาร์ค… เราไม่ได้ห้ามเลยนะ” สิ้นประโยคที่เปรียบเสมือนกับการอนุญาตใบหน้าของมาร์คก็จู่โจมกลับไปหาเจ้าของใบหน้ารั้นอีกครั้ง
ไล่เลียลิ้นไปตามแนวรอยแยกของกลีบปากสีชมพูวาวก่อนที่จะสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเพื่อช่วงชิงเอาความหอมหวาน
ปลายลิ้นไล่เลาะไปตามฟันซี่สวยก่อนที่จะกลับมาเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กของแจมิน
เขียนเรียวเปลี่ยนจากวางข้างลำตัวมาพาดผ่านไหล่เพื่อโอบรัดรอบคอแกร่งของมาร์คส่วนแขนแกร่งของมาร์คก็สอดรัดโอบเอวบางให้เข้ามาชิดตัวมากขึ้น
มือหนาก็ขย้ำสะโพกมนจนแจมินหลุดร้องครางออกมาในลำคอเบาๆ
นายแบบหน้าหวานขยับเท้าให้ช่างภาพเดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนมาถึงโซฟากำมะหยี่สีน้ำเงิน
ก่อนที่มือเรียวทั้งสองข้างจะออกแรงดันไหล่หนาของมาร์คเพื่อให้นั่งลงจนริมฝีปากทั้งสองแยกออกจากกันตามมาด้วยร่างเพรียวของนายแบบขึ้นคร่อมตักแกร่งนั่นทำให้มาร์คต้องวาดแขนรองบั้นท้ายของแจมินเอาไว้
มือของร่างบางขยับถอดเสื้อเชิ้ตออกจากตัวเผยให้เห็นผิวขาวน้ำนม มาร์คขยับเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนที่จะซุกไซร้ลำคอขาวและสร้างรอยสีแดงช้ำเอาไว้บนไห้ปลาร้าและไหล่ลาด
ใบหน้าหวานเอียงรับสัมผัสของมาร์คส่วนมือขาวก็ยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมสีดำเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังก่อตัวขึ้น
“อ อื้อ”
ใบหน้าคมคายก้มลงไปอยู่ระดับหน้าอกทำให้คนด้านบนเอนตัวไปด้านหลังนิดหน่อยลิ้นร้อนแลบเลียยอดออกสีชมพูสวยตรงหน้าพร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังออกแรงเค้นคลึงจนแจมินสะท้านไปทั้งตัวและแอ่นหน้าอกรับลิ้นร้อนที่กำลังดูดดุนอยู่ที่หน้าอก
ฟันซี่คมขบเม้มตุ่มไตสีสวยราวกับว่ามันเป็นของหวานที่แสนเอร็ดอร่อยจนร่างเพรียวครางออกมาอย่างทนไม่ไหว
เสียงครางต่ำในลำคอของมาร์คบ่งบอกถึงความพอใจในเรือนร่างของแจมินที่เขาไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนานเกือบอาทิตย์
ร่างกายที่กำลังบดเบียดกันจนส่วนล่างของแจมินถูไถไปกับกางเกงยีนส์เนื้อดีของมาร์คที่ส่วนกลางกายกำลังตื่นขึ้นมา
มือเรียวจับใบหน้าคมให้เงยหน้าขึ้นก่อนจะกดจูบลงที่ปากหยักเพื่อระบายอาการวาบวามที่กำลังก่อเกิดขึ้น
มือหนาเลื่อนไปลูบไล้ต้นขาขาวก่อนจะสอดมือผ่านกางเกงเข้าไปแล้วขยำบั้นท้ายนุ่มนิ่มอย่างมันเขี้ยวเรียกเสียงครางกระเส่าจากนายแบบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี เสื้อเชิ้ตสีดำบนตัวของมาร์คถูกปลดออกด้วยมือของแจมินคนด้านบนแหวกเสื้อออกเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อแน่นดวงตากลมโตหลุบต่ำมองก่อนจะยกมือขึ้นไปไล่วนทั่วแผ่นอกหนาอย่างยั่วยวน
“ยั่วกันแบบนี้ไม่ดีเลยนะครับแจม” พูดจบมาร์คก็ออกแรงดันพลิกร่างให้แจมินลงไปนอนกับโซฟาแทนก่อนที่ตัวเองจะตามไปคร่อมทับอีกทีพร้อมกับถอดเสื้อเชิ้ตแล้วโยนทิ้งไป
มือหนาเอือมไปถอดเข็มขัดของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็วรวมถึงดึงเอากางเกงยีนส์สีเข้มและชั้นในออกจากเรียวขาไปด้วยก่อนที่มาร์คแทรกตัวไปตรงระหว่างขาของแจมิน
มือเรียวที่กำลังซุกซนไล่สัมผัสกล้ามเนื้อลอนสวยอย่างกลั่นแกล้งนั่นทำให้มาร์ครีบปลดเข็มขัดของตัวเองออกก่อนที่จะจับเอาแกนกายออกมา
คนตัวเล็กด้านล่างได้แต่เบิกตากว้างออกมาอย่างตกใจและใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงจากความเขินอายโดยการกระทำอันโจ่งแจ้งก่อนจะผละสายตาเบนออกไปอีกทาง
มาร์คที่เห็นอย่างนั้นก็หัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมกับโถมตัวลงมาแล้วบดจูบอีกครั้งเพื่อเบนความสนใจจากมือหนาที่กำลังไล่วนอยู่ที่ช่องทางด้านหลัง
“เธอช่วยพี่หน่อยสิครับ”
“อืม… ”
ก้านนิ้วยาวถูกส่งมาจ่อที่ริมฝีปากบางลิ้นสีสวยถูกส่งออกมาก่อนที่จะไล่เลียตามความยาวของก้านนิ้วเรียวจนชุ่มไปด้วยน้ำลายทั้งสามนิ้ว มาร์คก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอีกครั้งก่อนที่จะส่งก้านนิ้วยาวเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังร่างเพรียวที่รับรู้ว่ามีบางอย่างแปลกปลอมกำลังแทรกตัวเข้ามาพลางส่งเสียงครางกระเส่า
“อะ”
ความเจ็บและความเสียวซ่านที่กำลังแล่นปาดเข้ามาทำให้ฟันซี่คมของแจมินขบกัดเข้าที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อระบายความเจ็บและความเสียวที่กำลังเกิดขึ้นทีละนิด มาร์คที่กำลังแทรกนิ้วไปนั้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าแจมินเกร็งอยู่พอสมควรจึงหันไปเบนความสนใจด้วยการดูดเม้มยอดอกที่กำลังชูชันอยู่ส่วนมืออีกข้างก็ขยับรูดรั้งแกนกายกลางลำตัวของนายแบบหน้าหวานไปด้วยจนคนใต้ร่างรู้สึกเสียววูบไปหมดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
มาร์คเริ่มขยับนิ้วเข้าออกถี่ขึ้นเมื่อแจมินผ่อนคลายลงเพราะตอนนี้เข้าแทบจะทนไม่ไหวและแทบคลั่งตายเมื่อมองร่างกายบอบบางที่บิดเร้าๆอยู่ใต้ร่างของตัวเองพร้อมกับเสียงครางที่หวานหูนั้นอีก สุดท้ายน้ำสีขาวขุ่นไหลพุ่งออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องแบนราบและหน้าท้องแกร่งของช่างภาพ
แชะ!
“อา… ม มาร์ค อะ” แจมินหอบหายใจนิดหน่อยพร้อมกับร้องเรียกชื่อของช่างภาพมือหนึ่งที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูถ่ายรูปเรือนร่างของแจมินอยู่
ก่อนที่จะส่งเสียงร้องครางออกมาอีกครั้งเมื่อก้านนิ้วของมาร์คยังคงขยับอยู่พร้อมทั้งสายตาวาววับที่มาร์คส่งมาทำให้แจมินต้องหลับตาลง
“พี่ขอกอดเธอแน่นๆเลยนะครับ”
“อื้อ!” มาร์คถอนนิ้วออกก่อนจะเอาน้ำรักสีขาวขุ่นของแจมินชโลมแท่งร้อนของตัวเองแล้วค่อยๆดันสอดเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง มาร์คดันแกนกายของตัวเองเข้าไปมิดลำจนมือเรียวของแจมินยกขึ้นมาดันที่หน้าท้องแกร่งอย่างห้ามปรามพร้อมกับเอ่ยพูดออกมา
“ม มาร์คมันจุกนะ”
“อา… พี่ขอโทษครับ”
ช่างภาพมือหนึ่งเอ่ยพูดขอโทษออกมาสียงพร่าพร้อมทั้งก้มลงไปกดจูบที่ปากเจ่อแดงของแจมินก่อนจะเริ่มขยับอย่างเนิบนาบ
ตอนที่มาร์คสอดตัวตนเข้าไปในตัวของแจมินช่องทางอุ่นของนายแบบหน้าหวานก็ตอดรัดแกนกายของเขาถี่ระรัวจนแทบจะคลั่ง
กรามคมขบกัดกันแน่นเมื่อมาร์คเริ่มเร่งจังหวะจนได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังถี่ระรัวขึ้นคละเคล้าเสียงครางของคนใต้ร่าง
มาร์ครวบมือของแจมินไปไว้เหนือหัวก่อนจะสอดก้านนิ้วจับมือทั้งสองข้างของแจมินเอาไว้ส่วนมืออีกข้างก็ค้ำยันตัวเองเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวลงไปบดจูบริมฝีปากบางที่เจ่อแดงของแจมินอีกครั้ง จังหวะถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆเมื่อมาร์ครู้สึกว่าตัวเองใกล้จะปลดปล่อยออกมา
ก่อนที่แกนกายร้อนที่อยู่ในช่องทางอุ่นจะกระตุกเกร็งจนแจมินรู้สึกได้และปลดปล่อยเอาน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาใส่ช่องทางด้านหลังจนมันไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนไปตามเรียวขาและโซฟากำมะหยี่
ริมฝีปากก็ยังทำหน้าที่ขยับบดจูบกลีบปากบางอยู่เรื่อยๆจนคนใต้ร้างครางประท้วงออกมาเมื่อจะขาดอากาศ
ฝ่ามือร้อนของมาร์คก็ไม่วายวาดวางบีบเฟ้นไปทั่วร่างกายของแจมินจนขึ้นสีแดงและรอยมือ
“อะ!… ม มาร์คพอก่อน”
“โอเคครับๆ พอก่อนก็ได้”
แจมินวางมือดันหน้าท้องที่ขึ้นลอนสวยของมาร์คเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะขยับตัวสวนกลับเข้ามาอีกครั้ง
เจ้าของใบหน้ารั้นนอนหอบหายใจพร้อมทั้งยกแขนเรียวขึ้นพาดทับดวงตากลมใสของตัวเอง
เวลาไม่เยอะมากมายนักเขาทั้งสองคนก็เปลี่ยนจากห้องนั่งเล่นเป็นสนามรักได้อย่างรวดเร็วเสียแล้ว
“ดูเธอตอนนี้สิ สวยเป็นบ้าเลย” มาร์คไม่ว่าเปล่ายังวางมือบนหน้าท้องแบนราบของแจมินที่มีคาบสีขาวขุ่นอยู่บนตัวพร้อมทั้งลากปลายนิ้วตามร่องกล้ามเนื้อที่เผยให้เห็นน้อยๆก่อนที่จะกดปลายนิ้วลงบนหน้าท้องของแจมินจนเจ้าตัวอดที่จะหดเกร็งไม่ได้
“มาร์คอย่าแกล้ง”
“เธอต่างหากที่แกล้งพี่ พี่อยากกอดเธออีกแล้ว”
“อะ มาร์ค” เจ้าของใบหน้ารั้นรับรู้ได้ว่าส่วนกลางลำตัวของมาร์คที่ยังคงสอดแทรกอยู่ภายในตัวกำลังขยายขนาดอีกครั้ง
มาร์คยกยิ้มกริ่มเมื่อช่องทางด้านหลังของแจมินกำลังตอดรัดตัวตนของเขาถี่มากขึ้นกว่าเดิมหลังจากที่มาร์คแกล้งเขี่ยปลายนิ้ววนรอบๆหน้าท้องของอีกฝ่าย
“อือ มาร์ค”
“พี่ขอกอดเธออีกรอบนะครับ”
“ขอบคุณมากครับทุกคน” งานของมาร์คอีกหนึ่งงานเสร็จสิ้นลงหลังจากที่ทำงานกันมาเกือบเก้าชั่วโมง
เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมทั้งลงมือเก็บอุปกรณ์ของตัวเองและกล้องตัวโปรดอย่างเคยแต่มีเพียงความเร็วและเร่งรีบของเขาเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นมากกว่า
“มาร์ค”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จไวจัง
พี่ยังเก็บของไม่เสร็จเลยเธอรอก่อนนะครับ” มาร์คเอ่ยพูดบอกเจ้าของใบหน้ารั้นที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
ก่อนที่แรงพิงที่ไหล่จะเกิดขึ้นเนื่องจากแจมินเอนศีรษะมาพิงกับไหล่ของเขา
“เราง่วงอะ”
“ทำไมเธอไม่ล้างเมคอัพออกก่อนครับ”
“เราขี้เกียจ” คนด้านข้างเอ่ยพูดออกมาเสียงแผ่วคล้ายกับว่าจะหลับจนมาร์คหันไปมองหลังจากเริ่มรูดซิปปิดกระเป๋าอุปกรณ์
มือหนาถูกส่งไปวางกอบกุมและสอดประสานมือเพื่อดึงรั้งให้นายแบบหน้าหวานลุกขั้นหลังจากที่เขาเช็คดูความเรียบร้อยของอุปกรณ์ว่าไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว
“กลับกัน
ไปถึงคอนโดแล้วเธอก็ล้างเมคอัพกับอาบน้ำเลยนะ”
“แต่มาร์ค… เราง่วงเราอยากนอน”
“ไม่ได้ครับ”
“งั้นเช็ดเมคอัพให้เราหน่อย… อาบน้ำให้ด้วยนะ” ช่างภาพมือหนึ่งหันไปมองเสี้ยวหน้าของแจมินที่กำลังจะหลับพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินประโยคออดอ้อนจากนายแบบหน้าหวานที่นานๆครั้งจะเขาโดนอ้อนแบบนี้
“มีอะไรแลกเปลี่ยนไหมครับ” ว่าออกไปอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับเปิดประตูให้อีกคนนั่งลงฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วปิดประตูให้ก่อนที่จะวนตัวเองกลับไปขึ้นนั่งฝั่งคนขับพร้อมกับเอื้อมตัวไปจับสายเบลท์ฝั่งด้านข้างคนขับแล้วคาดทับให้กับแจมิน
“มาร์คอยากได้อะไร…
เราให้หมดนั้นแหละ” แจมินจะรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังหลงกลมาร์คเข้าให้แล้ว
ช่างภาพมือหนึ่งยกยิ้มกริ่มขึ้นที่ใบหน้าอีกครั้งก่อนที่จะช่วงชิงความหอมจากก้อนแก้มนุ่มของแจมินหนึ่งทีแล้วเอ่ยพูดย้ำนายแบบหน้าหวานออกมาอีกรอบพร้อมกับขับเคลื่อนรถยนต์คันหรูสัญชาติยุโรปออกจากลานจอดรถไปทันที
“เธอพูดแล้วนะ”
“อือ…”
//
อินสไปเรชั่นจากโว้กเลยนะ ยัยหนูบั่บ ฮือออออแจมินไม่ปราณีกันเลยอะ สงสารแต่ใจพังๆเพราะใจแตกหมดแล้ว5555555555 ไปแน้วววว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น