=
Don’t ask Don’t tell
mark x jaemin
=
“รีโหลด!” เสียงแมกกาซีนที่ว่างเปล่าร่วงหล่นลงสู่พื้นครั้งแล้วครั้งเล่าคละเคล้าเสียงกระสุนปืนที่ถูกยิงแหวกผ่านอากาศออกไป
เสียงโลหะกระทบกระแทกกันดังสนั่นพื้นที่กว้างไปหมด เสียงเครื่องบินรบบินพาดผ่านน่านฟ้าเหนือหัวของเหล่าลูกน้องในหน่วยที่ตั้งแนวกันฝ่ายตรงข้ามอย่างระแวดระวัง
มือที่เปื้อนดินและเขม่าปืนกระชับนิ้วกำกระบอกปืนเอ็มสี่ของตัวเองแน่น
สายตาสอดส่องไปรอบๆแนวบังเก้อที่ขัดขวางอยู่เพื่อระวังความปลอดภัยให้ลูกน้องในหน่วยของตัวเอง
เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ไม่ไกลก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงครวญครางเจ็บปวดของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกแรงอัดจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบดังแว่วให้ได้ยิน
เขาเห็นฝ่ายตรงข้ามที่เล็ดลอดผ่านซากอาคารหักพังซุ่มตรงมาหาลูกน้องทางปีกขวาของเขาที่กำลังปฐมพยาบาลกันอยู่อย่างวุ่นวายเนื่องจากเพื่อนร่วมทีมได้รับบาดเจ็บ
ลำตัวหันขวับไปทางศัตรูที่ยังคงรอซุ่มยิงดวงตาของเขาเล็งเป้าไปยังส่วนตัวของอีกฝั่ง
ข้อศอกถูกวางลงบนเข่าที่ถูกตั้งชันเพื่อเป็นฐานรองรับในการตั้งแขนให้ถนัดต่อการยิง
ปัง!
เสียงการลั่นไกลดังขึ้นเหนือหัวของเขาจากที่สูง
มันแหวกอากาศผ่านช่องเล็กของซากพังๆไปยังศีรษะที่ถูกป้องกันด้วยหมวกของทหารฝั่งศัตรู
กระสุนจากสไนเปอร์ไรเฟิลพุ่งทะลุจนเลือดสีแดงจากศีรษะของศัตรูกระเด็นเปื้อนซากกำแพงด้านหลังพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่หงายหลังกลิ้งตกซากของอาคารไป
‘เฮ้ ระวังกันหน่อยพวก’เสียงพูดผ่านสัญญาณวิทยุไร้สายดังขึ้นจากอุปกรณ์สื่อสารในหูของเขาครู่เดียวเมื่อคนติดต่อบอกเพื่อนร่วมทีมเสร็จสรรพก่อนที่เสียงสัญญาณที่ถูกตัดไปตามระเบียบฉบับมือซุ่มยิงที่ต้องการความเงียบเชียบเพื่อรอบระวังจากระยะไกลให้หน่วย
“ผู้กองครับ…
ผมว่าเราต้องการแพทย์ด่วน ตอนนี้ดงฮยอกอาการสาหัสเกินไป”
“ติดต่อกองทัพ
ถึงเวลาเราต้องกลับแล้ว” เขาว่าออกไปเมื่อบริเวณรอบข้างมีกำลังของพลทหารเสริมหลายกองกำลังเข้าประจำจุดรวมทั้งเครื่องบินรบที่บินย้อนกลับมาสามลำเพื่อตรวจสอบพื้นที่เหนือน่านฟ้า
เสียงรถถังประจำการมุ่งตรงมาสู่รอบข้างฝั่งแนวบังเก้อรายล้อมไปด้วยทหารรถถังที่วิ่งผ่านกันชุนละมุนเพื่อเข้าที่ประจำการ
หน่วยฝ่าแดนหน้าเพื่อเคลียร์พื้นที่อย่างพวกเขาถึงเวลาต้องกลับฐานทัพ
เสียงวิทยุไร้สัญญาณของลูกน้องในหน่วยเชื่อมต่อกับหน่วยฝ่าแดนหน่วยอื่นเพื่อตกลงกันเรื่องการติดต่อรับพลเหล่าพลทหารที่เหลือรอดของหน่วยฝ่าแดนกลับไปยังฐานทัพ
ไม่นานสัญญาณติดต่อก็จบลงผู้กองของหน่วยฝ่าแดนหน่วยสุดท้ายจะเป็นคนติดต่อเรียกเครื่องบินมารับหน่วยฝ่าแดนทุกคนในเวลาอีกสิบนาทีรวมทั้งนัดแนะจุดรับที่บนยอดเทือกเขาใกล้ๆที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปอีกสองร้อยกว่าเมตรจากหมู่บ้านที่หน่วยฝ่าแดนอยู่
เสียงสวบสาบย่างกรายเข้ามาใกล้ด้านหลังจุดที่พวกเขานัดรวมตัว
เหล่าทหารหน่วยฝ่าแดนทั้งสามหน่วยที่กำลังพักพิงรอบข้างต้นไม้อยู่คว้าจับปืนประจำตัวแน่นโดยสัญชาตญาณ
ปฏิกิริยาของหน่วยฝ่าแดนเหลือรอดอยู่เพียงยี่สิบคนจากสามสิบคนยังไม่นับรวมมือซุ่มยิงประจำหน่วยละสองคนที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรต่างก็ตั้งท่าเตรียมปะทะอย่างรวดเร็ว
“มาร์ค”
เสียงเรียกชื่อของเขาดังออกมาจากปากเพื่อนด้านข้างที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยพร้อมกับตอบกลับไปด้วยเสียงเบา
“ฉันได้ยินแล้วเจย์”
บุคคลที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างเขายกปืนขึ้นในระดับสายตา
สองมือกำเอ็มสี่คู่ใจที่รีโหลดกระสุนเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนหน้า
สายตาสอดส่องผ่านเลนส์ลำกล้องปืนเพื่อเล็งเป้าที่ขยับเข้ามาใกล้
ส่งสัญญาณมือบอกให้เหล่าลูกน้องและผู้กองประจำหน่วยด้านหลังเตรียมขึ้นลำ
“ใจเย็นผู้กองมาร์ค”
เสียงทุ้มแหบของคนที่คุ้นเคยหน้ากันดีดังขึ้นพร้อมกับคนในชุดเครื่องแบบทหารเดียวกับหน่วยฝ่าแดนจะโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ
ลำปืนของอีกคนยกเล็งมาที่เขาอยู่เช่นกันในท่าเตรียมปะทะยิง
“ใจคอจะทิ้งมือสไนเปอร์ประจำหน่วยกันหรือไง”
อีกคนว่าออกมาเสียงกลั้วหัวเราะที่เห็นท่าทีเตรียมปะทะอย่างเอาจริงเอาจังพร้อมกับส่งสัญญาณมือให้เหล่าพลทหารซุ่มยิงคนอื่นๆด้านหลังลดปืนลงและให้เดินออกมาจากพุ่มไม้
“ผู้หมวดแจมิน?
หึ นึกว่าจะไม่รอดมา”
เขาบอกออกไปพร้อมกับยกยิ้มที่ริมฝีปาก
ใจชื้นขึ้นมาเมื่อสอดสายตาสำรวจมือซุ่มยิงประจำหน่วยของตัวเองที่ไม่มีร่องรอยของบาดแผล
ก่อนที่เขาจะได้รับการตอบกลับแบบเจ็บแสบคละเคล้าเสียงหัวเราะของอีกคน
“เก็บปากไว้กินข้าวเถอะผู้กอง”
…
แกร็ก!
“อาการดงฮยอกเป็นยังไงบ้าง”
เขาเอ่ยถามแพทย์ทหารประจำกองทัพออกไปหลังจากที่คนตัวเล็กกว่าเดินออกมาจากห้องผ่าตัด
“กระสุนฝังเข้าที่หัวไล่ขวากับที่หน้าท้องแต่ไม่ได้โดนจุดสำคัญอะไร
เสียเลือดไปเยอะพอสมควรแต่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงปลอดภัยดีแล้ว”
แพทย์ตัวเล็กตรงหน้าบอกเขาออกมาก่อนที่จะเสยผมยาวปรกหน้าของตัวเองพลางมองหน้าเขาด้วยสายตามีคำถามและเขาก็พอจะรู้ว่าอีกคนอยากจะถามอะไร
“เจโน่มันปลอดภัยดี
ได้แผลจากกระสุนอีกเหมือนเดิมตอนนี้ทำแผลเสร็จแล้วนอนอยู่ที่ห้องพัก
อยากไปหาก็ไปเถอะไม่มีใครว่าลูกนายพลอย่างนายได้หรอกอินจุน”
เขาร่ายออกไปด้วยประโยคยาวเหยียดก่อนที่จะควักเอาบุหรี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ขอบใจที่บอก
แล้วก็นะนายมีแผลอยู่อย่าพึ่งสูบบุหรี่” คนตัวเล็กตรงหน้าบอกออกมาก่อนที่จะทำหน้าเอือมระอาใส่เขาเพราะเขาตอบรับคำแนะนำของแพทย์ไปเพียงแค่การยักไหล่ให้เท่านั้น
หลังจากที่แพทย์ตัวเล็กเดินออกไปแล้วเขาก็เดินไปทางหลังอาคารพยาบาลเพื่อที่จะไปสูบบุหรี่
แผลกระสุนที่หัวไหล่ขวาที่พึ่งถูกเย็บไปทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ความตึงจากแผลทำให้เขาขยับแขนไม่ค่อยถนัดนัก
“ผู้หมวดแจมิน?”
เขาเอ่ยเรียกชื่อคนที่กำลังยืนพิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่
“อ้าว
ผู้กองทำแผลเสร็จแล้วเหรอ”
“อืม”
เขาตอบรับในลำคอก่อนที่จะเดินไปยืนข้างๆกับอีกคนแล้วเอนหลังพิงกำแพงเช่นกัน
“ขอต่อไฟหน่อยสิ”
แจมินไม่ได้เอ่ยตอบเขากลับมาแต่อีกคนขยับกายเล็กน้อยแล้วหันใบหน้ามาหาเขาพร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้เนื่องจากปากของแจมินยังคาบมวนบุหรี่ไว้ในปากอยู่ดังเช่นตอนแรก
ควันสีขาวขุ่นขมุกขมัวขึ้นในอากาศยามที่เราปล่อยพ่นมันออกมา
คนด้านข้างคีบบุหรี่ออกจากปากสีแดงเข้มของตัวเองก่อนที่จะเอียงหน้าหันมาทางเขาที่มองใบหน้าด้านข้างของอีกคนอยู่
“มองนานไปแล้วมาร์ค”
เขาหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆหลังจากที่อีกคนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียก
“โทษที
อยากมองน่ะ”
“ระวังเดี๋ยวฉันคิดค่ามองซะหรอก”
“หึ
ขอเป็นจูบนะถ้าอย่างนั้น” เขาบอกพร้อมกับตะแคงตัวเอาไหล่พิงกำแพงเพื่อหันไปหาแจมิน
“อย่าท้า”
อีกคนตอบกลับมาพร้อมกับอัดนิโคตินเข้าปอดไปเฮือกใหญ่
“ไม่ได้ท้า
แต่อยากได้จริงๆ” เขายกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ใส่
ด้านแจมินก็ปรายหางตามามองเขาเล็กน้อยก่อนที่จะพ่นควันสีขาวขุ่นออกมาแล้วโยนบุหรี่ที่เหลือเพียงก้นกรองทิ้งลงบนพื้นคอนกรีตใช้รองเท้าขยี้มันให้ดับก่อนที่จะหันหน้ามามองเขา
“ตอนนี้อยู่ในกองทัพนะ
อย่าลืมกฎ don’t ask don’t tell ไปซะล่ะ”
แจมินบอกออกมาพร้อมกับพิงกำแพงในท่าเดียวกับเขาพลางยกแขนกอดอกไปด้วย
“ถ้าไม่ใช่ตรงนี้ก็ไม่เป็นอะไรนี่
ไม่มีใครรู้หรอก”
“เป็นผู้กองซะเปล่านะมาร์ค
กล้าแหกกฎจริงๆ” อีกคนบอกเขาพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ “ถ้าไม่แหกกฎฉันคงได้ขาดใจตายแน่ๆ”
“หมกหมุ่น”
แจมินบอกออกมาหลังจากที่เราจ้องตากันอยู่เมื่อครู่
“ไปฝ่าแดนตั้งสามวัน
ถ้าตอนนี้ฉันไม่ได้สัมผัสนายคงต้องลงแดงตายแน่ๆเลยแจมิน”
“อืม”
อีกคนเอนศีรษะกลมๆของตัวเองพิงกำแพงก่อนที่จะส่งเสียงคิดในลำคอยาวเล็กน้อย
ดวงตากลมใสนั่นเริ่มซุกซนขึ้นหลังจากที่มันนิ่งงันมานาน “มาหาที่ห้องฉันแล้วกัน”
แจมินยกยิ้มที่มุมปากหลังจากพูดจบก่อนที่จะแตะนิ้วชี้และนิ้วกลางลงที่ปากของตัวเองแล้วยื่นส่งสองนิ้วนั่นมาตะลงที่ริมฝีปากของเขาเปรียบเสมือนการให้จูบทางอ้อมจนเขาต้องยกยิ้มตามหลังจากนั้นแจมินก็เดินออกไป
…
ก็อกๆ
เขาเอนตัวพิงกำแพงด้านข้างก่อนที่จะวางหลังมือเคาะลงที่บ้านประตูสีเข้มตรงหน้า
สักพักก็ได้ยินเสียงบิดลูกบิดดังขึ้นจากด้านใน เจ้าของห้องเปิดประตูออกเล็กน้อย
มองเขาด้วยสายตาปกติก่อนที่จะเบี่ยงตัวให้เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างง่ายดาย
เดินผ่านเตียงใหญ่สีขาวไปยังเจ้าของห้องที่กำลังหันหลังยืนเช็ดเส้นผมสีเข้มอยู่ที่หน้ากระจก
เขามองแผ่นหลังอีกคนเล็กน้อยก่อนที่จะสอดแขนโอบรัดช่วงเอวของแจมินทันทีที่เดินเข้าไปถึงตัว
ปลายจมูกโด่งและริมฝีปากกดจูบลงบนไหล่กว้างภายใต้เสื้อยืดอยู่สองสามครั้งแล้วผละใบหน้าออก
“มาทวงสัญญา”
เขากระซิบที่ใบหูของอีกคนด้วยเสียงแหบพร่า
มือสากจากการจับปืนนับครั้งไม่ถ้วนลูบวนมือเพื่อสัมผัสเรือนร่างของอีกคนผ่านเนื้อผ้าชิ้นบางที่ขวางกั้นอยู่
ลมหายใจอุ่นๆของเขาถูกปล่อยออกมากระทบกับกกหูของอีกคน
จมูกโด่งสันและริมฝีปากกดจูบลงที่ท้ายทอยของอีกคนอย่างแผ่วเบา
เจ้าของห้องที่ยืนหันหลังอยู่ในตอนแรกโยนผ้าที่เช็ดหัวอยู่ไปพาดกับเก้าอี้สักตัวใกล้ๆพร้อมกับหันหน้ามามองเขา
คนตรงหน้าออกแรงผลักเขาให้นั่งลงที่ปลายเตียงก่อนที่อีกคนจะตามมานั่งคร่อมตัก
กางเกงขาสั้นที่อีกฝ่ายชอบใส่เพราะความสบายรนจนเห็นขาเนียน แขนเรียวที่เห็นมัดกล้ามน้อยๆวางพาดบ่าของเขาเพื่อรั้งตัวเอาไว้
“ทำแบบนี้คือ?”
เขาแกล้งถามออกไปแต่ยกยิ้มเพราะเข้าใจความหมายของมันดีอยู่แล้ว
“อย่ามาแกล้งโง่ที”
ปากร้ายๆของอีกคนพูดจบก็ทาบทับลงมากับปากของเขา
บดจูบริมฝีปากเข้ากันทั้งคู่ด้วยความโหยหาในรสสัมผัสที่ห่างหายกันไปนาน
มือของเขาลูบวนที่เอวของคนบนตัวสอดมือผ่านเสื้อยืดสีขาวเข้ามาด้านใน
ไล่สัมผัสมือไปกับเอวเว้าและรอยกล้ามเนื้อของอีกคน
ฝ่ามือลูบผ่านหน้าท้องที่ปรากฏลอนขึ้นรูปของกล้ามเนื้อกดปลายนิ้วไปตามแนวร่องก่อนที่จะยกมือสูงขึ้นส่งมาสัมผัสกับยอดอกที่กำลังชูชันตามแรงอารมณ์
ยิ่งห่างหายสัมผัสไปจากกันนานมากเท่าไหร่ทั้งเขาและอีกคนก็มีอารมณ์ได้ง่าย
คนด้านบนโถมตัวลงมาหาเขามากขึ้น
ใบหน้าของเขาเงยรับริมฝีปากของอีกคนที่กำลังสนุกสนานกับการที่หยอกล้อกับลิ้นชื้นของเขาและดูดดึงริมฝีปากล่างเล่นพร้อมทั้งกัดมันราวกับอีกคนมั่นเขี้ยวเขานักหนา
“อือ”
คนด้านบนร้องทวงครางออกมาเมื่อเขาสะกิดเข้าที่ยอดอกหลังจากบีบเฟ้นส่วนอกที่แบนราบเล่นไปแล้ว
มือของอีกคนกำลังวางประกบแก้มเขาทั้งสองข้างเพื่อรั้งใบหน้าให้เข้าไปหามากขึ้น
ฝ่ามือของเขาสอดไปด้านหลังของเสื้อยืดที่แสนเกะกะก่อนที่จะลูบไล้แผ่นหลังของอีกคนช้าๆ
มาร์คกำลังรู้สึกว่าเสื้อผ้าบนร่างกายแจมินกำลังทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยมันไม่ควรอยู่บนร่างของอีกคนในตอนนี้
เขาจับตัวพลิกคนด้านบนให้ลงไปนอนบนเตียงขณะที่ริมฝีปากยังคงไม่ผละจูบออกจากกัน
อีกคนให้ความร่วมมืออย่างดีในการถอดเสื้อยืดออกจากตัวก้มลงซุกไซร้ซอกคอก่อนที่จะกดจูบลงบนรอยแผลเป็นจากกระสุนที่หัวไหล่และเนินอกของอีกคน
เขาสอดมืดผ่านขากางเกงที่กว้างออกเพื่อเข้าไปสัมผัสกับก้นนิ่มภายใต้ชั้นในของอีกคน
ออกแรงเค้นมันบีบมันจนคิดว่ามันน่าจะขึ้นรอยแดงไม่น้อย
ใบหน้าของเขายังคงขยับสูดดมกลิ่นกายหอมอ่อนๆจากเรือนร่างของคนใต้อาณัติ
ฝังรอยฟันสีแดงช้ำไว้บนหัวไหล่ก่อนที่จะเคลื่อนหน้าต่ำลงมาที่หน้าอกแลบลิ้นไล่เลียไปรอบๆแผ่นอกกดจูบซ้ำกับรอยกล้ามเนื้อที่ฉายชัดขึ้นมาน้อยๆบริเวณหน้าท้องผละหน้ากลับขึ้นมาที่ยอดอกครอบครองมันด้วยปลายลิ้นและริมฝีปากของตัวเอง
“อึก”
เสียงกระตุกดังมาจากเจ้าของร่างกาย
มือของอีกคนไล่ไปตามร่างกายของเขาอย่างรีบร้อนจากบ่า ไหล่กว้าง
สัมผัสที่หน้าอกกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่น
ลอนหน้าท้องที่ขึ้นกล้ามเนื้อชัดกว่าอีกคน ก่อนที่จะหยุดที่ชายเสื้อยืดของเขา
อีกคนออกแรงรั้งดึงมันให้หลุดพ้นจากตัวของเขาและเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างดีในการขยับยืดตัวขึ้นเพื่อเอามันออกจากตัว
ชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นถูกพลัดถอดออกจากร่างของเราทั้งคู่
ออกแรงปามันทิ้งลงบนพื้นด้านข้างด้วยความรีบร้อนจนมันกระจัดกระจายไปหมด
เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ถูกใช้ปกปิดหายวับไปจากร่างของเราหลังจากที่ระดมฟัดจูบและพลัดเปลี่ยนกันทำรอยบนร่างกาย
ปลายนิ้วของแจมินวาดลงที่รอยแผลเป็นจากกระสุนตรงบริเวณแผ่นอกด้านซ้ายใกล้รอยสักรูปสิงโตคำรามก่อนที่กลีบปากบวมเจ่อนั่นจะกดจุบลงกับรอยกระสุนและไล่ริมฝีปากมาคลอเคลียกับรูปรอยสักแบบที่ชอบทำเวลาเรากำลังจะมีอะไรกัน
“ชอบรอยสัก”
ถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะตัวพอๆกันแต่คนใต้ร่างของเขาก็ยังคงบางกว่าเขาอยู่ดี
กล้ามเนื้อของอีกคนก็น้อยกว่าเขาด้วยเช่นกัน “ก็บอกตลอดนี่”
เขาไม่รอช้าให้อีกคนวาดมือเล่นไปทั่วแผ่นอก
ริมฝีปากของเรากดจูบเข้าหากันอีกครั้ง
สองมือของเขาจับแหวกขาของคนใต้ร่างออกกว้างเผยให้เห็นส่วนลับของอีกคนที่ขมิบรออยู่
ช่องทางสีแดงปราศจากการรุกล้ำจากบุคคลอื่นทำให้เขายกยิ้มพร้อมกับกัดปากล่างของอีกคนเบาๆ
ในขณะที่ยังคงป้อนรสจูบให้กันอยู่ไม่ห่างเขาก็เอื้อมมือไปยังลิ้นชักด้านข้างเพื่อควานหาบางอย่าง
หลอดเจลสีใสถูกหยิบออกมาก่อนที่เขาจะถอนจูบออก เขาผละตัวออกมาทอดสายตามองรอยจีบตรงหน้าด้วยสายตาโลมเลียพร้อมกับแท่งเนื้อร้อนที่กระตุกอย่างต้องการการโอบรัด
เจลใสถูกบีบใส่มือขอเขาก่อนที่มาร์คจะโยนมันกลับไปที่ลิ้นชักดังเดิมเมื่อมันหมดประโยชน์ไปแล้ว
เขามองที่ช่องทางของแจมินอีกครั้งก่อนที่จะก้มหน้าลงไปหาคนที่นอนออ้าขาอยู่
“จะสอดเข้าไปแล้วนะ”
ว่าออกไปอย่างหยอกเย้าให้คนถูกกระทำหน้าร้อนเล่นและมันได้ผลเมื่อคนใต้ร่างส่งมือมาที่เข้าที่หน้าอกของเขาเสียงดัง
ทั้งนิ้วและฝ่ามือที่ชโลมด้วยเจลถูกส่งมาที่ช่องทางปิดสนิทด้วยความรีบร้อน ยิ่งเห็นอีกคนกัดริมฝีปากตัวเองแน่นยามที่เขาวนมือรอบรอยจีบ
เขาก็ยิ่งอยากจะแทรกตัวเข้าไปหาความอุ่นร้อนด้านในเร็วๆ
ผนังนุ่มด้านในบีบรัดนิ้วของเขาแน่นเมื่อเขาสอดปลายนิ้วเข้ามา
เขากัดฟันแน่นเมื่อคนใต้ร่างกำลังขยับตัวสวนกลับการเร่งมือของเขาที่ผลุบเข้าออกอยู่ในตัวของอีกคนพร้อมทั้งเสียงครางที่ดังออกมาอย่างต้องการเขาอีก
“อา มาร์ค
เร็วอีก”
อีกคนร้องเรียกสัมผัสในขณะที่หลับตาแน่นเมื่อเขาสอดส่งนิ้วไปสัมผัสโดนกับจุดกระสันอ่อนไหวด้านใน
ท่อนเนื้อของเขากระตุกอีกครั้งหลังจากที่แจมินผุดลุกขึ้นและผลักเขาให้ลงไปนอนกับเตียงแทน
ใบหน้าแสนยั่วยวนแดงชัดออกมาว่าอีกคนต้องการของของเขามากกว่านี้
มาร์คขยับนั่งพิงหัวเตียงในท่าสบายก่อนที่ร่างของแจมินจะตามมาคร่อมทับลงบนหน้าท้องของเขา
ส่วนอ่อนไหวของอีกคนถูกเขากอบกุมเอาไว้พร้อมทั้งชักขึ้นลงกระตุ้นให้คนด้านบนตัวหดเกร็งไปหมด
บั้นท้ายกลมกลึงที่นุ่มนิ่มต่างจากหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อลอนสวยกำลังขยับถูไถไปตามความยาวของแท่งเนื้อร้อนของเขา
อีกคนขยับถูมันไปมาสองสามรอบให้เขาได้ซีดปากเล่นก่อนที่คนด้านบนจะใช้เข่ายืนบนเตียงเพื่อดันตัวเองยืนขึ้นให้ช่องทางด้านหลังอยู่ตรงกับส่วนแท่งเนื้อร้อนของเขา
แรงกดตัวไล่ลงมาเรื่อยๆความร้อนและนุ่มจากผนังด้านในตัวแจมินทั้งตอดทั้งรัดเขาแน่น
มาร์คมองตามส่วนของตั้งชันของเขาที่กำลังถูกกลืนกินด้วยตัวของแจมินอย่างรวดเร็วก่อนที่คนด้านบนจะกดตัวลงไปจนสุด
“ลึก อะ”
คนด้านบนพูดออกมาเสียงแผ่วพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาเมื่อเขาแกล้งขยับสวนแทงเข้าไปหนึ่งครั้ง
มือทั้งสองข้างของคนด้านบนวางทับอยู่หน้าแข็งแรงของเขาก่อนที่ปลายเล็บสะอาดจะจิกลงมาเมื่อเขาเริ่มขยับตัวสวนเข้าไปอีกรอบ
เขาวางมือลงที่บั้นท้ายของอีกคนก่อนที่จะออกแรงบีบความนุ่มนิ่มนั่น
ตีมันจนเกิดเสียงดังผสมกับเสียงการสวนกายของเขาที่เริ่มถี่ขึ้น
ความถี่ระรัวและการโอบรัดแน่นทำให้เขาทั้งคู่กระตุกเล็กน้อย
ส่วนปลายสีแดงของแจมินเริ่มมีน้ำปริ่มออกมาคนด้านบนเท้ามือวางบนหน้าท้องของเขาเพื่อใช้เป็นที่ยึดจากแรงที่เขากระทำ
อีกคนที่อยู่บนตัวเขาเอนตัวลงมานอนซบบนลำตัวของมาร์ค
ใบหน้าชื่นเหงื่อที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจากแรงอารมณ์ซุกลงที่ซอกคอของเขา
ริมฝีปากและฟันคมอ้างับผิวเนื้อตรงลำคอเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยปากออกเพื่อส่งเสียงน่าอายอยู่ใกล้หูของเขา
เขาพลิกตัวกลับขึ้นมาอยู่ด้านบนเมื่อรู้ว่าเราทั้งคู่ใกล้จะเสร็จในอีกไม่ช้า
คนด้านล่างนอนหงายหอบหายใจแรงตามจังหวะการสอดตัวถี่ของเขา
มาร์คส่งมือไปวางทายกับมือเรียวของอีกคนพร้อมกับสอดนิ้วประสานกันเอาไว้
“มาร์ค อะ ฉัน”
เขามองหน้าอีกคนที่หลับตาพริ้มอ้าปากครางอยู่ใต้ร่างก่อนที่จะเร่งสะโพกสอบดันแทรกตัวถี่มืออีกข้างก็ขยับรูดรั้งให้คนด้านล่างรัวขึ้น
ผนังนุ่มด้านในเพิ่มแรงรัดตัวทันทีเมื่อแจมินปลดปล่อยสายสีขาวขุ่นให้พุ่งออกมาจนเปรอะหน้าท้อง
เขาขบกรามแน่นสวนกายถี่มือก็ข้างที่เคยรั้งรูดส่วนอ่อนไหวของอีกคนก็ขยับมาจับยึดสะโลกสวยทันที่เมื่อเขากำลังเร่งกายแรงขึ้น
เจ้าของช่องทางด้านหลังยังคงส่งเสียงร้องกระตุ้นอารมณ์ของเขาอยู่พร้อมกับมือเรียวที่สอดประสานกันจะบีบรัดมือของเขาแน่นตามความเสียดเสียวที่พุ่งพล่านอยู่ภายใน
เขากระตุกเกร็งตัวก่อนที่จะปลดปล่อยความอุ่นวาบให้ล้นทะลักออกมาจากส่วนปลายของแท่งเนื้อร้อนด้านในที่ถูกโอบรัดแน่น
น้ำสีขาวขุ่นมากมายไหลย้อนออกมาจากช่องทางด้านหลังให้เกิดเสียงเฉอะแฉะมากกว่าเดิมเมื่อเขายังคงขยับตัวสวนกายอยู่
“อะ อะไรอีก”
แจมินถามเขาออกมาเสียงสั่นน้อยๆเมื่อเขาถอดกายออกมาแล้วจับให้อีกคนนอนพลิกตัวคว่ำหน้าไปกับเตียง
“ก็รู้ว่ารอบเดียวสำหรับฉันไม่พอหรอก”
เขาวางมือจับสะโพกของอีกคนหลังบอกเสร็จก่อนที่จะดึงส่วนล่างของอีกคนให้ลอยเด่นขึ้นมา
ช่องทางด้านหลังขึ้นสีแดงก่ำจากแรงเสียดสีกระแทกกระทั้นของเขา
มันกำลังขมิบรีดรัดเอาน้ำสีขุ่นของเขาออกมาจนไหลเยิ้มไปตามหว่างขาเรียวเต็มไปหมด
มาร์คมองภาพตรงหน้าด้วยความโลมเลียและหื่นกระหาย
ก่อนที่จะแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง
ก้มลงกดจูบกับบั้นท้ายนิ่มเปลือยของอีกคนช้าๆไล่ริมฝีปากไปทั่วก้นนิ่มทั้งสองข้าง
ก่อนที่จะโถมทับลำตัวแกร่งไปกับร่างกายที่บางกว่าของคนที่นอนคว่ำอยู่
แจมินส่งเสียงครางร้องอืออึ้งในลำคอยามที่เขาขยับรูดรั้งแท่งเนื้อของตัวเองไปถูไถกับบั้นท้ายนิ่มและร่องรอยจีบของช่องทางด้านหลังที่เปรอะเปื้อนน้ำสีขาวขุ่น
แป๊ะ!
“อะ ม มาร์ค”
แจมินร้องเรียกชื่อเขาเสียงสั่นอีกครั้งเมื่อเขาจับเอาแท่งเนื้อร้อนของตัวเองฟาดลงกับก้นนิ่มจนมันขึ้นสีแดงหลังจากที่เขาฟาดไปหลายๆครั้ง
“อืม ว่าไง”
“ใส่เข้ามา อา!”
เขาไม่รอช้าที่จะจับสอดแทรกตัวเข้าไปจนสุดอีกครั้งหลังจากที่แจมินเอ่ยบอกออกมาแบบนั้น
เขาใช้เข่าทั้งสองข้างดันแหวกขาของอีกคนมากขึ้นเพื่อลดให้สะโพกสวยลงมาในระดับที่ต่ำกว่าเดิม
มือหนาวางทาบลงบนหลังมือของแจมินก่อนที่จะสอดประสานนิ้วเข้าหากันดังเดิม
อีกคนบีบมือเขาแน่นยามที่ส่วนหัวของแท่งเนื้อเขาผลุบออกมาจากช่องทางสีแดงก่ำแล้วสอดแทรกตัวดันกลับเข้าไปจนสุดกระแทกเข้ากับจุดกระสันด้านในอย่างจัง
“อะ อา”
เสียงครางกระเส่าแหบของอีกคนยังคงส่งออกมาเรื่อยยามที่ร่างกายของเขายังคงขยับอย่างต่อเนื่อง
ริมฝีปากหนากดจูบไปตามแผ่นหลังของอีกคนละเลียดละเลงปลายลิ้นลงกับผิวเนื้อและดูดดึงจนขึ้นสีแดงช้ำบนแผ่นหลัง
มาร์คกดจูบที่ท้ายทอยของแจมินพร้อมกับใช้ฟันคมกัดเบาๆก่อนที่จะใช้มืออีกข้างดันใบหน้าแดงระเรื่อของอีกคนให้หันมาหาตัวเองเพื่อที่จะป้อนจูบอีกครั้งหลังจากที่ริมฝีปากของเขาเริ่มแหง้ยิ่งกว่าเดิม
ปลายลิ้นของเราแตะโดนกันก่อนที่มาร์คจะสอดไปลิ้นชื้นของตัวเองไปด้านข้างของลิ้นของแจมินในโพรงปากแตะลิ้นครูดไปกับฟันซี่สวย
หยอกล้อกับเพดานปากด้านบนและกลับมาสอดพันลิ้นชื้นให้เกิดเสียงเฉอะแฉะอีกครั้ง
เรียวลิ้นของเราพันกระหวัดกันจนน้ำสีใสเยิ้มเปรอะมุมปากของคนใต้ร่างไปหมด
แววตาฉ่ำน้ำปรือเขาหลังจากที่มาร์คถอนจูบออกจากกันจนเกิดสายใยสีขาวยืดเยิ้ม
ส่วนด้านล่างยังคงขยับแรงกระชั้นมากขึ้นเพิ่มความเสียดเสียวให้คนที่ถูกสอดแทรกจนส่งเสียงครางหวานไม่หยุด
มาร์คกดจูบที่ริมฝีปากบวมเจ่อของแจมินก่อนที่จะยืดตัวกลับมาตรงๆเมื่อเราทั้งคู่กำลังดำดิ่งสู่กามอารมณ์ที่มากขึ้น
เขาซีดปากและขบกรามคำรามในคออืออึ้งเมื่อช่องทางของแจมินยังคงบีบรัดตัวตนที่อยู่ด้านในของเขาแน่น
ความอุ่นร้อนภายในของแจมินส่งผ่านเข้ามาให้เขารู้สึกยามที่ขยับกายถี่อยู่แบบนี้
คนใต้ร่างหดเกร็งตัวเมื่อเขาวาดมือจับเข้าที่ส่วนอ่อนไหวที่กำลังชูชัน
อีกคนวางมือทับมือของเขาที่ขยับรูดรั้งอยู่ก่อนที่จะออกแรงขยับมือไปพร้อมกับมือของเขาเมื่ออีกคนใกล้จะถึงฝั่งในอีกไม่ช้า
เขาเร่งตัวถี่แรงมากขึ้นเมื่อภายในแจมินส่งแรงบีบรัดมากกว่าเดิม
อีกคนพรั่งพรูน้ำสีขาวขุ่นออกมาอีกครั้งมันเยิ้มเปื้อนมือของเขาก่อนที่มาร์คจะแทรกตัวเร่งแรงแล้วฉีดพุ่งความอุ่นร้อนเข้ามาในตัวของแจมินอีกรอบจนมันไหลย้อนออกมาเปรอะเปื้อนหน้าตักของเขา
“แฮ่ก”
เราหอบออกมาเสียงดังทั้งคู่
ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กๆที่ผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า
ไรผมเปียกชื้นตามการออกแรงของกิจกรรมที่จบไปเมื่อครู่
เขาขยับตัวสวนกายไปอีกสองสามรอบก่อนที่จะหยุดแล้วค่อยๆขยับตัวออกจากช่องทางด้านหลังที่ยังคงบีบรัดรีดน้ำสีขาวขุ่นของเขาอยู่
“เซ็กซี่เป็นบ้า”
เขาว่าออกไปพร้อมกับมองผลงานของตัวเองที่ยังค้างคาอยู่ที่ช่องทางสีแดงก่ำกับส่วนที่ไหลเยิ้มไปตามหว่างขาเรียวของอีกคน
“พ พอแล้ว”
อีกคนบอกออกมาก่อนที่จะฟุบส่วนลงกับเตียงอย่างหมดแรงนั่นทำให้เขาขยับเคลื่อนตัวไปทาบทับลงที่แผ่นหลังของอีกคนแต่ไม่ได้ลงน้ำหนักทับลงไปพลางกดจูบลงที่แก้มนิ่มขึ้นสีระเรื่อที่ร้อนจัดจากการกระทำของเขา
“หมดแรงแล้วเหรอ”
กระซิบเข้าที่ข้างใบหูของอีกคนพร้อมกับกดจูบเบาๆ
นิ้วโป้งที่ยังคงสอดประสานกับมือของอีกคนอยู่เกลี่ยคลึงเบาๆกับนิ้วของแจมิน “ไม่
แต่เหนื่อย”
“งั้นฉันให้พัก”
เขาว่าออกไปด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับส่งมือข้างที่ว่างไปปัดผมชื้นที่ปรกหน้าของอีกคนอกกเบาๆ
“ตายอดตายอยาก”
เขาหัวเราะกับวาจาร้ายของอีกคนที่ยังคงสามารถพูออกมาได้เรื่อยๆแม้จะอยู่ในท่าทางล่อแหลมที่เขาสามารถแกล้งอีกคนกลับได้ก็ตาม
“หมดเวลาพักแล้ว”
ริมฝีปากของเขากดจูบลงกับเปลือกตาของอีกคนที่หลับพริ้มมาสองสามนาทีแล้ว
ก่อนที่จะเคลื่อนหน้ากลับมากระซิบที่หูของแจมินอีกรอบ “ฉันจะกอดเธอจนกว่าจะเช้า”
…
เขาเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ตื่นได้สักพัก
ทอดสายตามองไปยังร่างของอีกคนที่นอนคว่ำหน้าหลับพริ้มอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ไปหมด
ก่อนที่จะขยับแขนฝั่งขวาของตัวเองที่มีผ้าก็อตปิดแผลพันรอบแขนอยู่เพราะมันมีเลือดซึมออกมาเนื่องจากกิจกรรมผ่านมา
เขาเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงฝั่งเดียวกับที่แจมินนอนคว่ำหันหน้าไปก่อนที่จะกดจูบลงที่ขมับ
เลือกตา แก้มนิ่มและมุมปากของคนหลับสบาย
“ฮื่อ”
คนโดนรบกวนส่งเสียงร้องในลำคอเบาๆพลางขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ
ก่อนที่แจมินจะปรือตาขึ้นมามองเขาเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอีกรอบ
“เดี๋ยวฉันมา
จะไปเอาน้ำอุ่นกับอาหารมาให้” เขากระซิบบอกอีกคนไปก่อนที่จะกดจมูกโด่งสันและริมฝีปากเข้ากับแก้มของอีกคน
“อือ”
แจมินส่งเสียงในลำคอตอบรับกลับมานั่นทำให้เขายกยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะย้ำสัมผัสหอมแก้มนิ่มของคนหลับไปอีกรอบแล้วเดินออกจากห้องมาเบาๆ
เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อหันกลับมาเจอกับคนที่ออกมาจากห้องตรงข้ามแจมิน
เรามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนที่จะเอ่ยทักทายกัน
“ไง
เจโน่แผลมึงเป็นยังไงบ้าง” เขาถามออกไปด้วยความสนิทสนม
“เย็บเรียบร้อย
แต่ว่าเมื่อคืนทำแผลเปิดไปสองแผล” คนด้านข้างตอบกลับมา
“มึงเบาๆหน่อยก็ได้”
เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆกึ่งแซวในความหมายที่กำกวม
“ว่าแต่กู
แผลที่แขนขวามึงเลือดซึมเยอะเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวไปยืมตัวอินจุนมาทำแผล”
เขาบอกพลางขยับแขนข้างขวาที่เริ่มตึงขึ้นมา
“คงไม่ได้วะ
กูใช้งานหนักมาทั้งคืนแล้ว”
“หึ ก็พอรู้อยู่หรอก”
เขาและเจโน่เดินเลี้ยวไปทางฝั่งห้องอาหารที่อยู่ใกล้ๆ
เวลาเช้าขนาดนี้ยังไม่มีนายทหารคนไหนตื่นมานักหรอกหลังจากที่ไปออกภาคสนามรบมา
มาร์คหยิบจับเอาอาหารที่ต้องการกับน้ำร้อนลงถาดก่อนที่จะเดินแยกจากเจโน่ออกมาเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะไปเอาของที่อาคารพยาบาลให้กับอินจุน
เขาเดินกลับเข้ามาที่ห้องก็ยังคงเห็นร่างของแจมินนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าเดิม
วางถาดอาหารลงบนโต๊ะเล็กก่อนที่จะเดินเข้าไปหาคนที่นอนหลับอยู่แล้วนั่งลงบนเตียงก่อนที่จะส่งมือไปอังหน้าผากของอีกคนเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าอีกคนจะไม่มีไข้
“ตื่นมากินข้าวก่อนแจมิน”
เขาบอกเสียงเบาที่ข้างหูของคนที่หลับพริ้มอยู่ก่อนที่จะได้รับการตอบรับกลับมาเป็นการปรือปรอยดวงตากลมใสนั่นขึ้นมามองใบหน้าของเขาเล็กน้อย
“ตอนบ่ายมีประชุมหน่วย
ไหวมั้ย”
เขาส่งช่วยไปประคองร่าของอีกคนที่กำลังลุกขั้นนั่งพิงหัวเตียง
“ไหวสิ
แต่กินยาดักหน่อยก็ดี”
เขาจัดการเสร็จสรรพทั้งป้อนข้าวให้
ป้อนยาให้ พาไปอาบน้ำ แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ อุ้มกลับมานอนเพื่อที่จะได้ให้อีกคนสะสมพลังเพื่อการไปประชุมตอนบ่ายอีก
และเขาก็อยู่เฝ้าแจมินตลอดจนอีกคนหลับไปอีกรอบ
…
มาร์คเดินมานั่งในห้องประชุมขนาดไม่กว้างมากนักเพราะมึงเพียงแค่หัวหน้าหน่วยฝ่าแดนกับรองหัวหน้าหน่วยเพียงเท่านั้น
ปฏิบัติการฝ่าแดนยึดคืนพื้นที่ที่หน่วยฝ่าแดนลงไปปฏิบัติถูกสรุปผลรายงานออกมา
พร้อมกับรายงานความคืบหน้าที่หน่วยต่างๆกำลังเฝ้าประจำจุดพื้นที่กันอยู่ก่อนที่กำหนดปฏิบัติการใหม่จะถูกเอ่ยถึง
เขานั่งฟังจนเข้าใจรายละเอียดแต่สายตาก็ยังคงมองไปทางที่นั่งของรองหัวหน้าหัวของตัวเองเป็นระยะ
แจมินมีท่าทางง่วงงุดเล็กน้อยแต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตั้งใจแม้จะหลุดทำสีหน้าเหยเกบ้างก็ตามยามที่อีกคนขยับตัว
เลขาธิการกองทัพเอ่ยพูดสรุปองค์ประกอบปฏิบัติการใหม่เสร็จสรรพก่อนที่จะบอกให้ทุกคนแยกย้ายได้
เขาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะหันไปมองแจมินที่กำลังพยุงตัวเองยืนขึ้นช้าๆหลังจากที่คนอื่นๆเริ่มทยอยกันออกไปแล้ว
“ผู้กองมาร์ค
ตามผมมานี่ก่อน” เขาหันไปตามเสียงเรียกทุ้มต่ำของคนที่โผล่มาด้านหลัง
มาร์คผงกหัวรับคำคนอายุมากกว่าแล้วหันกลับไปมองแจมินที่มองมาที่เขาด้วยสายตาสงสัยปนเป็นห่วง
เขาส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่ออีกคนทำท่าว่าจะเดินตามมา
“แจมินลูกอยู่นั่นแหละ”
แจมินหยุดชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะพยักกหน้ารับคำสั่งของคนเป็นพ่อนั่นจึงทำให้เขาเดินตามท่านมาอย่างเงียบๆ
“ท่านมีอะไรเหรอครับ”
เขาถามถึงจุดประสงค์ของอีกคนทันทีที่เราทั้งคู่เดินออกมาหลังอาคารประชุมแผนการ
คนอายุเยอะกว่าจ้องมองมาที่เขาก่อนที่จะถอนหายใจเล็กน้อย
“พ่อจะถามเรื่องงานแต่งงานหลังจากเราสองคนออกจากกองทัพ”
มาร์คเลิกคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
เขามองท่านนายพลหรือก็คือพ่อของแจมินก่อนที่จะยิ้มตอบกลับอีกคนออกไปเมื่อได้รับรอยยิ้มอันเป็นมิตร
“ผมยังไม่ได้ขอเขาเลยครับ”
เขาบอกออกไปตามตรง
“พ่อไม่รีบหรอก
เอาไว้ออกจากกองทัพแล้วคอยจัดการก็ยังได้ แต่ต้องปฏิบัติงานกลับไปแบบมีชีวิตรอดทั้งคู่นะที่พ่อมาถามเพราะคุณแม่เขาเอาต่เซ้าซี้นะสิ”
“คุณแม่เองก็ส่งข้อความมาหาผมบอกให้โทรหาท่านด้วยเหมือนกันแต่ยังไม่ได้โทรเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็คุยกับคุณแม่เถอะนะเรื่องนี้
พ่อรอจัดการให้อยู่แล้วอีกอย่างพ่อของผู้กองก็ถามอยู่เหมือนกัน”
“ขอบคุณมากนะครับ
ถ้าผมขอเขาเมื่อไหร่ผมจะบอกคุณพ่อให้เร็วที่สุดครับ” เขาเอ่ยบอกพร้อมกับค่อมหัวให้คนอายุเยอะกว่าที่กำลังเดินผ่านไปพร้อมกับเสียงคุณพ่อที่เอ่ยเบาๆ
“พ่อไปละ
อีกอย่างนะผู้กองอย่าลืมเรื่องกฎ don’t ask don’t tell ไปซะละ”
…
“พ่อฉันเรียกไปทำไม”
หลังจากที่เขาปิดประตูห้องของแจมินเสียงก็อีกฝ่ายก็ถามขึ้นทันที
“ความลับ”
“เฮ้
อย่ามามีความลับกับฉันนะ”
“เรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ”
เขาว่าออกไปพร้อมเดินอ้อมไปฝั่งโต๊ะติดหัวเตียงแล้วแอบหยิบบางอย่างออกมา
“เรื่องอะไรทำไมต้องปิด”
มาร์คเดินวนกลับมาตรงหน้าของคนที่นั่งอยู่ปลายเตียง
แจมินเงยหน้ามองเขาที่กำลังวาดยิ้มอยู่ด้วยความแปลกใจก่อนที่จะผงะเล็กน้อยเมื่อเขาคุกเข่าลงตรงหน้าของอีกคน
“ทำอะไรน่ะ”
คนบนเตียงเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยในการกระทำของเขา
“แต่งงานกันนะแจมิน” เขาบอกพร้อมกับเปิดกล่องแหวนสีเข้มเรียบๆออก
ภายในบรรจุแหวนเงินเรียบๆไม่มีความโดดเด่นมากมาย
อันที่จริงเขาเตรียมจะขอแต่งงานอีกคนนานแล้วหวังจะขอจากตอนที่ออกจากกองทัพตามที่คุณกับพ่อของอีกฝ่าย
แต่พอนึกถึงปฏิบัติการฝ่าแดนงานใหม่ก็ตัดสินใจขออีกคนเลยทันที
ไม่ใช่เขาหวาดกลัวที่จะเสียอีกคนไปในสนามรบหรอกแต่เขาอยากให้อีกคนมั่นใจว่าต่อให้มีงานอันตรายแค่ไหนเข้ามาก่อนที่เราจะออกจากกองทัพ
เขาก็อยากให้แจมินรับรู้ไว้ว่าเขาจะไม่ตายจนกว่าจะได้แต่งงานกับอีกคนมันคือคำมั่นสัญญาในใจของเขามาตลอด
อีกคนไม่ได้แสดงท่าทางตกใจออกมามากนัก
แต่ก้วาดรอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนใบหน้าจนทำให้เขารู้สึกเอ็นดูไม่น้อยเลยสีกนิด
“คุยกับพ่อเรื่องนี้ใช่มั้ย”
อีกคนถามออกมาทันทีที่เขาสวมแหวนให้
ในขณะที่เขากำลังจับโทรศัพท์ขึ้นมา “ใช่
ตอนนี้ก็กำลังจะโทรหาคุณแม่เรื่องงานแต่งด้วย”
“เดี๋ยวก่อนรีบไปไหม
เรายังเหลืองานฝ่าแดนอีกตั้งงานนึงนะ”
“ไม่ได้รีบหรอกแต่ท่านอยากคุยเรื่องงานไว้คราวๆน่ะ
ที่จะโทรไปบอกคือเรื่องที่ฉันขอเธอแต่งงานแล้วตั้งหาก ท่านคงดีใจน่าดู”
เขาเอ่ยบอกออกไปพร้อมกับเดินไปแทรกตัวนั่งซ้อนที่ด้านหลังของแจมินบนเตียง
วางคางของตัวเองเกยบนไหล่ขณะที่มืออีกข้างก็ต่อสายตรงไปหาคุณแม่ของแจมิน
“ฮัลโหลครับ
คุณแม่”
เสียงของคนปลายสายตอบรับมื่อเขาเอ่ยทักทาย
รายละเอียดยิบย่อยตั้งแต่เรื่องจิปาถะตามฉบับคนอายุเยอะกว่าพูดออกมาเรื่อยๆรวมทั้งน้ำเสียงดีใจและคำพูกดมากมายถาโถมมาให้เขาได้ยิ้มรับหลังจากที่บอกเรื่องขอแจมินแต่งงานไปแล้ว
คนปลายสายตื่นเต้นจนเขาและแจมินที่นั่งฟังด้วยกันอยู่ถึงกับอมยิ้มก่อนที่จะขอตัวโทรไปพูดคุยกับคุณพ่อเรื่องงานอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันได้ปฏิเสธอะไรมากนัก
“บอกแล้วว่าค่อยบอกก็ได้”
แจมินบอกออกมาหลังจากที่วางสายจาท่านไปได้สักพักนึง
“อีกห้าวันก็ต้องไปออกแนวรบฝ่าแดนอีก
บอกท่านไว้ก่อนน่ะดีแล้ว”
“กลัวตายหรือยังไง”
คนที่ถูกกอดถามออกมาเสียงกลั้วหัวเราะพร้อมกับส่งมือเรียวมาจับเข้าที่แขนของเขา
“ฉันจะไม่ตายจนกว่าจะได้แต่งงานกับเธอ
นา แจมิน”
เขาบอกออกไปเสียงเข้มพร้อมกับหัวใจที่ตั้งมั่นว่าไม่ว่ายังไงก็ตามเขาจะไม่ยอมตายในสนามรบเด็ดขาดต่อให้กระสุนที่เจาะผ่านตัวเขาเนื้อเขาจะทะลุผ่านหัวใจหรือศีรษะก็ตามเขาจะไม่ยอมตาย
จนกว่าจะได้แต่งงานกับ
นา แจมิน
#imyourmorning
พอเนาะแบบมันยืดยาว
อะไรนักละเมอเพ้อฝันเพราะอยากแต่งแบบนี้เฉยๆ
อันนี้คือ nc
ที่ยาวที่สุดในชีวิตเลยค่ะ จะเพนบ้า
อีกอย่างๆคับ
กฎ don’t ask don’t tell ในกองทัพสหรัฐฯ
ถูกยกเลิกไปนาแล้วแต่อันนี้คือได้อรรถรสดีเลยแต่งนะงับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น