//
(os) This is a secret
of us
mark x jaemin
rate, 19+
hashtag, #ความลับของมาร์คมิน
//
“เดือนนี้เป็นหนที่สองแล้วนะแจมิน” เสียงของผู้หญิงในวัยสี่สิบต้นๆพูดขึ้นด้วยความเอือมระอาไม่น้อย
เธอทอดมองลูกชายตัวดื้อผ่านกระจกมองหลังที่กำลังนั่งวางมือเท้าคางมองออกนอกหน้าต่างรถอย่างที่ชอบทำประจำเวลาไม่อยากใส่ใจอะไรสักอย่าง
“พวกนั้นหาเรื่องน้องแจมินก่อนนะฮะมัม”
“แต่ลูกทำเขาเข้าโรงพยาบาลสองคนเลยนะ” เธอเอ่ยพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเด็กดื้อของตัวเองกำลังทำสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
แจมินขยับนั่งตัวตรงพิงแผ่นหลังไปกับพนักพิงของเบาะรถก่อนที่จะกอดอกมองสบตาผู้เป็นแม่ด้วยความขอโทษพร้อมกับบึนปากบางๆของตัวเองขึ้นอย่างน่าเอ็นดูขึ้นผิดกับรอยแผลแตกเลือดซึมที่มุมปากและความฟกช้ำบริเวณซีกแก้มขวาสองจุด
“น้องแจมินซอรี่ฮะมัม”
“มัมละแพ้ลูกอ้อนขอโทษของลูกแบบนี้จริงๆเลยแจมิน” แม่ของแจมินเอ่ยพูดบอกออกมาพลางส่ายหน้าส่ายหัวเบาๆพร้อมกับหักเลี้ยวพวงมาลัยเปลี่ยนเส้นทางจากถนนใหญ่เข้าสู่เส้นทางของบ้านหลังใหญ่หลังผ่านประตูมาแล้วเรียบร้อย
“วันนี้ทานข้าวพร้อมกันนะแจมิน”
“ฮะ” แจมินตกปากรับคำโดยไม่คิดอะไรก่อนที่จะก้าวขาออกจากรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูที่นั่งมาก่อนหน้านี้หลังจากที่มันจอดสนิทลงในโรงรถพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นสปอร์ตคาร์คันหรูสีดำขลับด้านข้างที่จอดนิ่งอยู่อย่างแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อนหรืออาจจะมีแขกมาแจมินเองก็ไม่แน่ใจและไม่อยากจะสนใจให้มากเนื่องจากรอยแผลแตกที่มุมปากเริ่มตึงขึ้นมา
“อย่าลืมลงมาทานข้างเย็นนะแจมิน
อย่าลืมทำแผลด้วยนะลูก” ศีรษะเล็กที่ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีดำเข้มนั่นสั่นคลอนพยักหน้ารับคำพูดบอกของผู้เป็นแม่ที่ดังไล่หลังแจมินมาทันทีเมื่อสองขาเรียวเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ก่อน
เจ้าของร่างขาวที่อยู่ในสภาพยุ่งเหยิงไม่น้อยพาตัวเองเดินขึ้นห้องอย่างไม่สนใจรอบข้างและเสียงพูดคุยที่ดังแว่วออกมาจากห้องนั่งเล่นให้ได้ยินเสียเท่าไหร่เพราะความสนใจทั้งหมดของเจ้าตัวนั้นคือความเจ็บแปลบที่แล่นริ้วทั่วร่างกายของตัวเองนั้นดึงความสนใจไปหมด
เสียงบานประตูห้องปิดลงพร้อมกับสัมภาระที่ถูกโยนทิ้งลงที่โซฟาปลายเตียงอย่างไม่ใยดี
มือเรียวที่มีแผลถลอกให้เลือดซิบๆนั่นแห้งกรังกำลังจับชายเสื้อยืดตัวใหญ่บนร่างให้หลุดออกผ่านทางหัวอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นกายบางขาวผ่องที่เปื้อนปื้ดไปด้วยร่องรอยแผลเล็กๆน้อยๆจากการกระแทกและแรงกระทำจากการทะเลาะวิวาทที่โรงเรียนก่อนหน้านี้
ร่างเพรียวที่เปลือยเปล่าท่อนบนเดินทอดน่องไปยังกระจกตั้งพื้นบานสูงที่อยู่มุมห้องก่อนที่ดวงตากลมใสราวกับลูกกวางจะไล่สายตามองเรือนร่างของตัวเองที่ได้รับบาดแผลไม่มากมายนัก
ปลายนิ้วอุ่นๆของตัวเองถูกไล้เลื่อนสัมผัสผิวกายผ่องไปตามจุดฟกช้ำและแผลถลอกพลางออกแรงกดสัมผัสปลายนิ้วลงกับบาดแผลเหล่านั้นจนต้องส่งเสียงร้องครางในลำคออย่างบางเบา
“อะ อือ” เสียงครางอืออึงอันบางเบาดังลอดออกมาก่อนที่กลีบปากล่างจะถูกฟันคมซี่สวยขบกัดยามที่ปลายนิ้วของตัวเองกดวางทาบทับลงบนรอยช้ำจ้ำใหญ่ตรงเหนืออกด้านซ้าย
มือข้างขวาที่ซ้ำย้ำจุดผละออกก่อนที่เจ้าของกลีบปากสวยจะคลายซี่ฟันคมที่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนเกิดรอยแดงไม่น้อยพร้อมทั้งอ้าปากออกเผยอหอบหายใจช้าๆ
ก็อก! ก็อก!
“คุณหนูคะ
พี่มิเกลเองค่ะ”
“เข้ามาได้เลยฮะ” แจมินเพิ่มเสียงพูดโต้อนุญาตกลับไปให้พี่เลี้ยงพลางเอื้อมมือไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับกายผ่องที่มีรอยช้ำของตัวเอง
พี่เลี้ยงที่อายุเยอะกว่าเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับมือสองข้างที่ประคองถือกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเข้ามาด้วย
“นี่ค่ะ”
“ขอบคุณฮะ”
“ค่ะ แล้วก็คุณหญิงบอกว่าทานอาหารเย็นในอีกครึ่งชั่วโมงนะคะ”
“เอ่อ ฮะ” ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้มัมต้องย้ำนักย้ำหนาถึงเวลาทานอาหารเย็นแต่เขาก็เอ่ยตอบรับคำพี่เลี้ยงกลับไปอย่างไม่ได้สนใจก่อนที่จะรับเอากล่องปฐมพยาบาลมาถือไว้
หลังจากที่พี่เลี้ยงของแจมินเดินออกไปกล่องปฐมพยาบาลก็ถูกนำไปวางไว้ตรงโต๊ะหน้าโซฟาแทนที่จะถูกเปิดออกเพื่อใช้ในการรักษาร่องรอยแผลของตัวเอง
แจมินถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกเผยให้เห็นผิวขาวผ่องอีกครั้งหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องน้ำแล้วก่อนที่จะหันแผ่นหลังตัวเองไปทางกระจกไล่สายตามองไปตามผิวเนื้อของตัวเองช้าๆเพื่อสำรวจหารอยที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บ
เมื่อมองต่ำไล่สายตาลงไปก็พบเข้ากับรอยจ้ำขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กที่สะโพกของตัวเองที่น่าจะเกิดจากการกระแทกขอบโต๊ะ
คิ้วเรียวขมวดปมเข้าหากันเมื่อมือเรียวเอื้อมไม่ถึงร่องรอยนั้นเพราะอยู่เยื้องไปทางกลางสะโพกเกินไป
เจ้าของร่างกายบางถอนหายใจออกมาเบาๆและเลิกพยายามเอื้อมมือไปหารอยนั้นก่อนที่จะเริ่มชำระร่างกายตัวเองแม้จะรู้ว่าแผลที่ตัวเองได้รับบนร่างกายถ้าหากไม่ได้รับการทำความสะอาดก็อาจจะเกิดอาการอักแสบและจ้ำช้ำได้มากกว่าเดิมแต่แจมินก็ชินแล้วกับความรู้สึกเจ็บหรือแสบที่จะได้รับมิหนำซ้ำเจ้าของผิวสีน้ำนมยังชอบความรู้สึกพวกนั้นมากเสียอีก
:)
แจมินรู้แล้วว่าทำไมวันนี้มัมของตัวเองถึงย้ำนักย้ำหนาเรื่องให้ลงมาทานอาหารเย็น
เจ้าของดวงตากลมใสมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตานิ่งๆหากแต่ในใจของคนตัวบางกลับไหวสั่นไม่น้อยยิ่งยามที่คนตรงข้ามเบนสายตามาสบกันพอดีด้วยแล้วแจมินยิ่งนั่งนิ่งมากกว่าเดิม
“แจมินครับ ทานข้าวสิลูก”
“ฮะ”
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับเสียงของแม่ตัวเองพร้อมกับเบนสายตาหลบคนที่นั่งตรงข้ามที่มองแจมินอย่างไม่วางตา
สองมือเรียวเริ่มลงมือทานอาหารตรงหน้าคละเคล้าเสียงพูดคุยที่มัมของแจมินถามสารทุกข์สุกดิบกับแขกที่นั่งตรงข้ามคนตัวบาง
แจมินเริ่มรู้สึกอย่างให้ช่วงเวลลาในการทานอาหารวันนี้ผ่านไปเร็วๆเสียจริง
“มาร์คค้างที่นี่มั้ยลูก”
“ค้างครับ”
แจมินชะงักค้างไปทันทีที่ได้ยินคำตอบของพี่ชายต่างแม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาก่อนที่จะตักอาหารช้อนสุดท้ายเข้าปากเล็กของตัวเองก่อนที่จะรวบช้อนและซ้อมเข้าหากัน
มัมที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมามองลูกชายตัวดื้อก่อนที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อย
“อิ่มแล้วเหรอครับ”
ศีรษะเล็กพยักหน้ารับผู้เป็นแม่ช้าๆพร้อมกับยิ้มให้เธอเล็กน้อย
มัมมองหน้าแจมินอย่างสำรวจก่อนที่จะส่งมือเรียวบางมาสัมผัสเข้าที่ผิวเนื้อบริเวณมุมปากของคนตัวบางที่มีรอยแผลแตก
แจมินยิ้มแห้งให้มัมเมื่อเธอส่งสายตาดุๆมาให้
“มัมบอกให้ทำแผลก่อนไงครับแจมิน”
แจมินคิดไว้แล้วว่าตัวเองต้องโดนดุเรื่องที่ไม่ยอมทำแผลก่อนเพราะมัมกลัวร่องรอยบนใบหน้าเกิดอาการอักเสบและกลัวเนื้อผิวขาวผ่องจะเกิดรอยแผลเป็น
“ได้แผลมาอีกแล้วเหรอตัวดื้อ”
“เดือนนี้ครั้งที่สองแล้วนะคะคุณ”
เสียงของแด๊ดที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นด้วยความราบเรียบปกติแต่เจ้าคนตัวดื้อที่ถูกเรียกรู้ว่าพ่อของตัวเองกำลังถามอย่างหยอกล้อ
“แด๊ดน้องแจมินไม่ได้ดื้อ”
“คราวนี้แผลเยอะนะ”
“นิดหน่อยเองฮะ”
เจ้าตัวดื้อเบะปากอย่างไม่ชอบใจใส่แด๊ดและมัมแต่ลักษณะท่าทางการแสดงออกทางสีหน้าแบบนั้นเรียกสายตาของคนตรงข้ามให้มาจับจ้องได้อย่างดี
แจมินรู้ว่ามาร์คที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันกำลังมองตัวเองอยู่อย่างไม่วางตาสายตาของอีกคนจ้องมองมุมปากบางที่แตกช้ำโดยที่ไม่ละสายตาไปไหน
“เอ่อ
มัมกับแด๊ดคุยกับพี่มาร์คต่อไปเถอะนะฮะน้องแจมินอิ่มแล้วจะขึ้นไปทำแผลด้วย”
แจมินเอ่ยบอกมัมกับแด๊ดและกล่าวถึงคนตรงข้ามโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่ายอย่างรวบรัดไม่เว้นช่วงให้มัมได้ทักท้วงรั้งให้อยู่ด้วยก่อนที่จะลุกขึ้นหันไปยิ้มบางๆให้ผู้เป็นพ่อเป็นแม่และผงกหัวให้พี่ชายแล้วเดินออกจากห้องทานอาหารไป
สองขาเรียวก้าวฉับเข้าห้องหลังจากที่เดินขึ้นห้องมาอย่างรวดเร็ว
แก้มกลมๆที่ปรากฏรอยช้ำบางขึ้นสีแดงระเรื่อจากการทำงานหนักของหัวใจ
เจ้าของผิวขาวผ่องขบกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อยเมื่อนึกถึงใบหน้าของอีกคนที่ไม่ได้เจอกันนานเกือบสองปี
เจ้าของห้องทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาปลายเตียงก่อนที่จะมองกล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่ที่เดิมบนโต๊ะพลางถอนหายใจเบา
แจมินไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์หรือกลิ่นยาเสียเท่าไหร่จึงไม่ชอบทำแผลมากนักแต่ในเมื่อคนตัวบางบอกมัมไปแล้วว่าจะขึ้นมาทำแผลก็คงจำใจต้องเปิดกล่องหยิบอุปกรณ์ออกมาเพื่อจัดการร่องรอยบนใบหน้าและลำตัวของตัวเอง
สองมือเรียวแกะของอย่างทุลักทุเลเพราะปกติคนทำแผลให้จะเป็นพี่เลี้ยงอย่างมิเกลแต่ตอนนี้แจมินไม่ได้เรียกเธอขึ้นมาด้วยเลยต้องเริ่มทำแผลเอง
ในขณะที่อุปกรณ์ที่สำคัญถูกหยิบออกมาเสียงประตูห้องนอนของคนตัวบางกลับถูกเปิดออกโดยไร้เสียงของอนุญาต
เจ้าของห้องหันหน้าไปมองผู้ที่เข้าห้องตัวเองอย่างไม่ได้ขออนุญาตทันทีหลังจากเสียงประตูปิดลงก่อนที่จะชะงักงันเมื่อดวงตากลมใสสบตาเข้ากับพี่ชายต่างแม่อย่างมาร์คที่กำลังยืนนิ่งเอนหลังพิงประตูห้องนอนของตัวเองอยู่
“พี่มาร์คมีอะไรหรือเปล่าฮะ”
“ให้พี่ช่วยทำแผลมั้ย”
“ไม่เป็นอะไรฮะผมทำได้”
แจมินเอ่ยบออกไปพร้อมกับหลบสายตาของมาร์คที่มองอยู่เพราะแววตาของอีกคนที่มองมาที่คนตัวบางนั้นมันดูดุดันเกินกว่าจะสบมองกันนานๆได้
เสียงฝีเท้าก้าวเดินเข้ามาใกล้ร่างผ่องที่นั่งนิ่งมองอุปกรณ์ทำแผลอยู่ก่อนที่จะตามมาด้วยแรงยุบยวบของโซฟาด้านข้างของแจมิน
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของมาร์คที่แจมินคุ้นเคยยิ่งทำให้ใจของร่างผ่องสั่นไหว
มาร์คยังคงเป็นมาร์คดังเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่น้อยรวมทั้งสัมผัสอันเกินเลยเฉกเช่นตอนนี้เมื่ออีกคนส่งปลายนิ้วอุ่นมาแตะลงบนผิวเนื้อของแจมินบริเวณมุมปากก่อนที่จะไล่เลียดเกลี่ยรอบแผลแตกช้าๆราวกับสำรวจว่าแจมินยังเจ็บอยู่หรือเปล่า
คนตัวบางขบกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อไม่ใช่เพียงแค่ปลายนิ้วของมาร์คที่ส่งมาในตอนนี้
ข้างแก้มนุ่มซับสีระเรื่อกำลังรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นของมาร์คที่ขยับเข้ามาใกล้กับก้อนแก้มนุ่มของตัวเองมากขึ้น
ไม่นานนักสัมผัสจากริมฝีปากอุ่นนิ่มและสัมผัสนุ่มหยุ่นก็ถูกกดทับลงมาอย่างบางเบาที่แผลแตกตรงมุมปากเล็กของแจมิน
อีกคนขยับปากเนิบนาบให้เจ้าของมุมปากได้รู้สึกตึงเจ็บและวาบหวิวในใจเล็กน้อยก่อนที่จะถอดถอนสัมผัสถอยระยะห่างให้ชั่วครู่หนึ่งแล้วกดย้ำจูบลงมาเบาๆอีกรอบ
ยิ่งเพิ่มอัตราให้ก้อนเนื้อในช่องอกของคนตัวบางเต้นไม่เป็นส่ำ
แจมินกำลังเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องมากนักความรู้สึกบิดมวนตีตื้นขึ้นมาในช่องท้องของตัวยามที่ยังรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นๆของอีกคนก่อนที่จะตัดสินใจเหลือบหางตาขึ้นไปมองใบหน้าของอีกคนที่ยังไม่ถอยห่างออกจากแก้มนิ่มที่ขึ้นริ้วแดงของตัวเอง
มาร์คส่งมือมาเชยคางแจมินให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาคมดุดันนั่นตรงๆปลายคางเรียวยังคงถูกรั้งด้วยมือไม่ปล่อยหายไปไหน
ระยะห่างที่เหลืออันน้อยนิดส่งผลให้แจมินแทบจะไม่กล้าหายเข้าออกเสียด้วยซ้ำ
“เมื่อกี้น้องแจมินแทนตัวเองว่าอะไรนะครับ”
“ผมฮะ อะ!”
คนตัวบางส่งเสียงร้องเล็กน้อยและสะดุ้งตัวเบาๆเมื่อปลายนิ้วโป้งของมาร์คลงโทษด้วยการกดจิ้มอย่างบางเบาลงมาที่รอยแผลบริเวณมุมปากของน้องก่อนที่จะไล่ลูบวนรอบเพื่อปลอบประโลมแจมินที่กำลังมีน้ำตาคลอเคล้าที่หน่วยตา
“พี่เคยบอกน้องแจมินว่ายังไง”
“ให้แทนตัวเองว่าน้องแจมินฮะ”
“พูดแทนตัวเองว่าน้องแจมินด้วยครับ”
“ฮื่อ พี่มาร์ค”
แจมินส่งเสียงร้องประท้วงอื้ออึงทันทีที่คนเคร่งขรึมและเคยส่งสายตาดุดันในตอนแรกกำลังกลายร่างเป็นคนเจ้าเล่ห์และส่งสายตาซุกซนมาให้แจมินพร้อมทั้งฝ่ามืออุ่นที่กำลังสอดผ่านชายเสื้อยืดเข้าไปสัมผัสผิวเนื้อนิ่มด้านในของคนตัวบางอย่างหยอกล้อ
“ให้พี่ช่วยทำแผลไหม”
“อือ พ
พี่มาร์ค”
“ว่าไงครับ”
ฟันซี่คมขบกัดเข้าหากันยามที่คุณพี่ชายเริ่มส่งมือมาหยอกล้อกับผิวเนื้อด้านในและสัมผัสลูบวนที่หน้าท้องแบน
มาร์คยังคงสีหน้าราบเรียบหากแต่นัยน์ตากลับท้อประกายวาววับราวกับเด็กที่กำลังได้เล่นของเล่นที่ชอบ
“พ พี่มาร์คทำแผลให้น้องแจมินหน่อยฮะ”
“ก็แค่นั้นแหละคนเก่ง”
“อะ”
มาร์คเคลื่อนใบหน้าไปที่ใบหูนิ่มของแจมินก่อนที่จะกระซิบบอกช้าๆพร้อมทั้งแลบลิ้นเลียและขบกัดเข้าที่ติ่งหูของคนตัวบางก่อนที่จะลากไล้ปลายจมูกผ่านผิวเนื้อขาวผ่องที่ลำคอให้เจ้าของร่างกายรู้สึกขนลุกชันไม่น้อย
“จ
จะทำแผลให้น้องแจมินไม่ใช่เหรอฮะ”
“ครับ
พี่จะทำแผลให้น้องแจมิน”
แจมินมองหน้าคนพี่ด้วยสายตาที่ไหวสั่นเล็กน้อยก่อนที่จะผวาขยับแขนวาดรอบคอของมาร์คทันทีที่อีกคนยกร่างผ่องมาวางลงบนตักราวกับว่าตัวแจมินเบาหวิวไร้น้ำหนัก
มาร์คจัดท่าทางให้เข้าที่และล่อแหลมมากสำหรับคนตัวบางเพราะท่านั่งบนตัวพี่ชายตอนนี้คือการนั่งในท่าคร่อมตักหันหน้าเข้าหากันและกัน
“พี่มาร์คจะทำแผลถนัดเหรอฮะ”
“ถนัดสิครับ”
“แต่น้องว่า…”
“ไม่มีแต่ครับ
น้องหยิบแอลกอฮอล์กับสำลีมาให้พี่หน่อยสิ”
เจ้าของร่างบางปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายด้วยการเอี้ยวตัวไปหยิบเอาอุปกรณ์สองอย่างนั้นโดนมีมือของมาร์คค่อยรั้งเอวไม่ให้ร่างบอบบางกว่าร่วงหล่อนลงพื้น
“พี่มาร์คอย่าโดนตรงสะโพกฮะ”
“มีรอยช้ำใช่มั้ย”
“ฮะ”
“เดี๋ยวนี้เกเรนะ”
แจมินไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปแต่เลือกที่ยื่นลำสีชุบแอลกอฮอล์ให้คนเป็นพี่แทนและมาร์คก็รับไปอย่างว่าง่าย
ดวงตาคมดุดันนั่นท้อแสงอ่อนยามที่อีกฝ่ายเริ่มไล่สายตาสำรวจร่องรอยบาดแผลที่ปรากฏอยู่บนดวงหน้าของน้อง
คนพี่ยังคงนั่งเงียบนิ่งไม่เอ่ยปากพูดอะไรต่อเพราะกำลังตั้งใจประคับประคองร่างผ่องของน้องไม่ให้ตกลงพื้นด้านหลังรวมทั้งกำลังจดจ่ออยู่กับการละเมียดละไมซับทำความสะอาดรอยแผลให้แจมินอย่างตั้งอกตั้งใจด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
ดวงตากลมสุกใสที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางจุดโฟกัสสายตาไว้ตรงไหนก็ต้องจำใจทอดมองใบหน้าคมของเจ้าของตักที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเซนด้วยซ้ำเพราะคนเป็นพี่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้กันเกินไปจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารินรดผิวเนื้อของกันและกัน
“เดี๋ยวก่อนฮะ
พี่มาร์คจะทำอะไร”
“พี่จะดูแผลช้ำที่สะโพกครับ”
พี่ชายต่างแม่ขยับวางตัวแจมินลงนอนคว่ำราบไปกับโซฟาโดยที่คนน้องไม่ทันได้ตั้งตัวก่อนที่มาร์คจะตามขึ้นมาทับตัวของแจมินทันที
มือหนาทำการเปิดเสื้อบริเวณสะโพกขึ้นเผื่อให้เห็นรอยช้ำจ้ำใหญ่ตั้งแต่สะโพกลงไปบนเนินบั้นท้าย
“อะ พี่มาร์ค”
คนน้องส่งเสียงร้องออกมาเมื่อปลายนิ้วอุ่นของคนพี่ทำการกดเบาๆลงกับผิวเนื้อที่กำลังขึ้นสีเขียวม่วงปนกัน
คิ้วเข้มขมวดฉับเมื่อสายตาคมทอดมองร่างขาวผ่องของน้องที่มีรอยแผลอยู่บนตัวจนในใจนึกคุกกรุ่นถึงคนที่กระทำรอยนี้ไม่ได้ถึงแม้ว่าคนเริ่มจะเป็นแจมินก็ตาม
“แบบนี้น้องต้องโดนลงโทษรู้มั้ยครับ”
“น น้อง”
แจมินขบกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นเมื่อพี่ชายต่างแม่ขยับโถมตัวลงมาทาบทับจนแผ่นอกแกร่งด้วยมัดกล้ามนั้นสัมผัสกับแผ่นหลังบางของแจมิน
ไออุ่นจากลมหายใจที่รินรดทำให้คนน้องรู้สึกวาบหวามไม่น้อยจนในช่องท้องรู้สึกบิดมวนไปหมด
มาร์คยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อเห็นแก้มนุ่มซับสีเลือดจนแดงปลั่งของคนน้องก่อนที่จะขยับกลับไปลุกยืนข้างโซฟาเพื่อเริ่มลงมือทายาให้กับแจมิน
“วันนี้พี่เห็นเรายังระบมอยู่
พรุ่งนี้พี่จะเริ่มลงโทษนะครับน้องแจมิน”
:)
“พ
พี่มาร์คเดี๋ยวพี่มิเกลมาเห็น”
แจมินเอ่ยท้วงเสียงสั่นเมื่อฝ่ามืออุ่นของพี่ชายต่างแม่กำลังรุกล้ำเข้ามาด้านในสัมผัสกับผิวเนื้อของร่างขาวผ่องรวมทั้งลูบไล้เอวเว้าของคนน้องอย่างสนุกมือ
ส่วนใบหน้าคมยังถูกส่งมาซุกไซร้ที่ซอกคอของแจมินไม่ห่างริมฝีปากอุ่นก็ยังประทับจูบไล่พรมไปทั่วผิวเนื้อทั่วคอและลาดไหล่
“บทลงโทษสำหรับเด็กดื้อในเช้านี้ครับ”
“อะ
พี่มาร์คน้องเจ็บนะฮะ”
ความเปียกแฉะและร่องรอยสีแดงช้ำจากการถูกดูดดึงที่ผิวเนื้อตรงลาดไหล่ทำให้แจมินต้องหลุดปากร้องเสียงแผ่ว
พี่ชายต่างแม่ยังคงคร่อมตัวอยู่ด้านบนมองสีหน้าของคนน้องอย่างชอบใจ
เด็กดื้อใต้อาณัติเบะปากลงในขณะที่ดวงตากลมใสก็คลอเคล้าน้ำตาที่รื้อขึ้นมา
หลังจากเหตุการณ์บนห้องนอนของแจมินบ่งบอกได้ว่าวันนี้เขาต้องอยู่ให้ห่างจากพี่ชายต่างแม่ให้มากที่สุดเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการโดนลงโทษแต่วันนี้คงไม่ใช่วันของแจมินจริงๆเพราะมาร์คยังคงหาเรื่องมาทำโทษร่างขาวผ่องได้อยู่เรื่อยๆ
และดูเหมือนว่ามันจะมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“อือ พี่มาร์ค”
แจมินร้องประท้วงเสียงเบาเมื่อลิ้นชื้นของมาร์คยังคงกวาดต้อนเอาขนมในปากของแจมินไม่หยุด
ความหวานของแพนเค้กหายไปจากในปากของแจมินทีละนิดเมื่อพี่ชายต่างแม่ขโมยมันไปจากการจูบอันลึกซึ้งก่อนหน้านี้
ดูเหมือนว่าคำประท้วงของคนน้องจะไม่เป็นผลเมื่อมาร์คยังคงส่งลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดกับเรียวลิ้นของคนน้องจนแจมินแทบจะหายใจไม่ทัน
อีกทั้งฝ่ามืออุ่นยังสอดผ่านเสื้อเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้วและกำลังเล่นสนุกอยู่กับยอดอกของร่างขาวผ่องไม่ห่าง
คนน้องบิดตัวเร้าเมื่อมืออีกข้างไล่ลูบวนที่หน้าท้องแบนที่กำลังหดเกร็งเพราะความวาบหวามที่ถูกสร้างขึ้นมา
ความเผลอไผลเริ่มมากขึ้นอีกครั้งเมื่อแผ่นหลังของแจมินกำลังแตะสัมผัสลงกับโซฟาและมาร์คกำลังเบียดแทรกตัวไประหว่างกลางของขาน้อง
ความสัมพันธ์อันเป็นความลับของทั้งคู่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงทีวีและเสียงรอบข้างไม่ได้เป็นจุดโฟกัสของแจมินหรือมาร์คอีกต่อไป
แพนเค้กอุ่นๆที่ถูกทานไปครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้ก็ถูกละทิ้งความสนใจอีกเช่นเดียวกัน
เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนถูกเปิดขึ้นจนมันกองอยู่ที่หน้าอกบางเผยให้เห็นยอดทับทิมสีแดงสวยก่อนที่มาร์คจะตามมาครอบครองมันด้วยริมฝีปากและละเมียดละไมชกชิมราวกับโปรดปรานนักหนา
ด้านคนน้องก็ยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงครางอืออึงของตัวเองไม่ห่างเพราะกลัวว่าพี่เลี้ยงอาจจะมาได้ยินเข้า
ยิ่งมาร์คเห็นแบบนั้นยิ่งเพิ่มการแกล้งหยอกล้อกับยอดทับทิมอีกข้างโดยการส่งมือไปเค้นคลึงและบีบเฟ้นความนุ่มนิ่มของคนน้องจนแผ่นอกบางเป็นรอยแดง
ใบหน้าคมของพี่ชายต่างแม่ผละออกจากยอดทับทิมก่อนที่จะย้ายตำแหน่งไปที่ซอกคอขาว
ไล่ลิ้นเลียตั้งแต่หลังกกหู ติ่งหู ลงมาตามแนวลำคอระหงส์
ฝ่ามืออุ่นทั้งสองข้างเลื่อนสัมผัสผิวของคนน้องอย่างลื่นมือก่อนที่จะสอดผ่านขอบกางเกงเข้าไปด้านในเพื่อหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของแจมินจนเจ้าของเรือนร่างต้องบีบขาเรียวเข้าหากันยามที่ยามมืออุ่นทั้งรูดรั้งและเค้นคลึงส่วนปลายเล่นอย่างสนุกมือ
พี่ชายต่างแม่ขยับตัวขึ้นมาดึงมือออกจากปากของแจมินก่อนที่จะมอบจูบอันแสนหวานซ่านและลุกโชนให้
ทั้งดูดดึงและกวาดตอนตักตวงเอาความหวานเชื่อมจากแจมินอย่างไม่รู้จักพอ
น้ำเชื่อมสีใสไหลเปรอะไปตามมุมปากหลังจากที่คนที่ผละริมฝีปากออก
จมูกโด่งกดหอมและริมฝีปากอุ่นกดจูบซับที่แก้มนวลแดงปลั่งของน้องทั้งสองข้างก่อนที่จะเลื่อนมือต่ำเพื่อดึงรั้งกางเกงขาสั้นของน้องให้หลุดรนออกจากปลายเท้าไปแล้วปล่อยให้มันลงไปกองกับพื้นอย่างเชื่องชำนาญ
จากการแกล้งเล่นเริ่มจริงจังและโหมหันรุนแรงตามอารมณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
กิจกรรมที่ไม่ได้คาดคิดให้เกิดกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็วเสียจนสติแทบจะพร่าเลือนหายไป
สมองขาวโพลนไร้ความคิดรับรู้เพียงความรู้สึกที่ถูกมอบให้และตอบสนองสัมผัสอันร้อนรุ่มด้วยสัญชาตญาณความเคยชิน
“พี่มาร์คฮะ อา”
มาร์คเตรียมตัวให้น้องโดยการสอดใส่นิ้วเข้าไปด้านในตัวของแจมินขยับมันเข้าออกจนอาการบิดมวนท้องและเสียวซ่านวูบวาบไปหมดทั้งตัว
เสื้อยืดสีฟ้าถูกเจ้าของมันนำไปกัดเพื่อปกปิดเสียงร้องระงมอันน่าอายของตัวเองเนื่องจากมือทั้งสองข้างถูกเจ้าของอาณัติพันธนาการเอาไว้เหนือหัว
ขาเรียวถูกแหวกกว้างมากขึ้นเมื่อตัวของมาร์คกำลังแทรกผ่านเข้าไปใกล้
ส่วนอุ่นร้อนขยายขนาดเตรียมพร้อมที่จะสอดใส่ถูกจ่อที่ช่องทางสีสวยหลังจากคนเป็นพี่ถอดถอนนิ้วยาวของตัวเองออกไปได้เพียงครู่หนึ่ง
“พี่มาร์คอย่าลงโทษน้องแจมินแรงเลยนะฮะ”
เจ้าของดวงตากลมใสที่บัดนี้กำลังตัวแดงไปหมดช้อนสายตามองเจ้าของอาณัติด้วยความอ้อนวอนพร้อมทั้งเอ่ยประโยคหวานออดอ้อนให้พี่ชายต่างแม่ลดโทษให้เบาลง
คนพี่ก้มตัวลงไปใกล้กดจูบที่กลีบปากเจ่อแดงของน้องหนึ่งครั้งเป็นการสัญญา
“พี่จะถนอมน้องแจมินที่สุดเลยครับ”
โลชั่นถูกนำมาใช้เป็นสารหล่อลื่นชั่วคราวเพื่อลดหลั่นความเสียดสีให้คนน้องก่อนที่มาร์คจะเริ่มสอดใส่ตัวตนเข้าไปด้านในตัวของแจมินทีละนิด
ความอุ่นอ่อนแพร่ซ่านเข้ามาโอบรัดตัวตนของมาร์คจนต้องขบกรามแน่นเพื่อยั้งไม่ให้ตัวเองสวนกายเข้าไปแรงๆ
“อือ”
ริมฝีปากสีแดงสดยังคงปล่อยเสียงอืออึงออกมาให้ได้ยินซึ่งเป็นการกระตุ้นให้มาร์คเริ่มขยับกายเป็นจังหวะมากขึ้น
ภายในตัวของแจมินร้อนและโอบรัดตัวตนของมาร์คถี่ระรัวยิ่งเป็นตอนที่มาร์คก้มลงไปจูบกับน้องและสัมผัสเค้นคลึงที่ยอดทับทิมชูชัน
ภายในตัวแจมินก็ยิ่งกำลังจะทำให้มาร์คบ้าคลั่งขึ้นมากกว่าเดิม
ฝ่ามืออุ่นวาดเฟ้นไปทั่วผิวเนื้อนุ่มละเอียดของแจมินจนมันขึ้นรอยแดงจากมือของมาร์ค
มือของคนน้องเองก็ส่งมาดึงรั้งลำคอแกร่งให้โถมตัวลงไปหาพร้อมทั้งสอดประสานเข้าหาเส้นผมนุ่มของมาร์คออกแรงขยำเพื่อระบายความเสียดเสียวที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนเป็นพี่
จังหวะเร่งถี่กระชันเข้ามาใกล้เรื่อยๆตัวของแจมินสั่นคลอนไปตามแรงกระทำของมาร์คก่อนที่จะถึงจังหวะสุดท้ายในที่สุด
แจมินกระตุกปล่อยทุกหยาดหยดออกมาเปรอะเปื้อนหน้าท้องและมาร์คเองก็ป้อนปรนน้ำสีขาวขุ่นให้ช่องทางฉ่ำของแจมินกลืนกินจนมันเอ่อล้นทะลักออกมา
น้องนอนนิ่งหอบหายใจเหนื่อยราวกับวิ่งออกกำลังกาย
เหงื่อกาฬเม็ดใสไหลไปตามกรอบหน้าและสร้างความชื้นให้ไรผมเปียกซึ่งมาร์คเองก็ไม่ต่างกันนัก
เจ้าของดวงตากลมใสปรือตามองคนพี่ก่อนที่จะยกแขนข้างขึ้นมาพาดทับดวงตาของตัวเอง
“พี่ให้แค่พักเหนื่อยนะครับ”
“…”
“เพราะบทลงโทษเด็กดื้อเกเรมันยังไม่จบ”
แจมินลดแขนตัวเองออกจากใบหน้าทันทีที่ได้ยินแบบนั้นก่อนที่ความสัมพันธ์อันเป็นความลับแสนเร้าร้อนนี้จะเริ่มต้นขึ้นอีกรอบโดยมีผู้ที่รับรู้และเห็นความลับนี้ก็มีเพียงแค่มาร์คกับแจมินเท่านั้นและมันคงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
หรือถ้าใครรู้ก็ช่วย ชู่ว เก็บไว้เป็นความลับด้วยนะคะ
:)
//
อย่าลืมเก็บเป็นความลับนะคะ กระซิบเสียงเบาๆเดียวคนอื่นได้ยินเข้า
สกรีมได้ในแท็กเลยค่ะ #ความลับของมาร์คมิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น