//
Short fic
When sunrise, When I’m inside you
mark x jaemin
chapter one
rate, 18+
hashtag, #ตะวันฉายแสง
//
เสียงพื้นรองเท้ากระทบเข้ากับกระเบื้องหินอ่อนชั้นดีอย่างเป็นจังหวะสะท้อนดังก้องกังวานไปทั่วโถงทางเดินกว้างสีนวลตาตามมาด้วยเสียงเปิดประตูบานใหญ่เผยให้เห็นภายในที่หรูหราเสียจนไม่คิดว่าห้องนี้คือห้องอาบน้ำ
สายตาของเหล่าผู้ดูแลสาวห้าคนที่ยืนขนาบข้างร่างนวลหันกลับมาจับจ้องที่ผู้มาใหม่ก่อนที่จะโค้งตัวก้มเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพพลางสลับหน้าที่กันใส่ชุดคลุมอาบน้ำให้กับเจ้าของร่างนวลเปลือยเปล่าที่ยืนหันหลังให้กับคนมาใหม่จนเสร็จสรรพเรียบร้อย
พวกหล่อนหันหลับมาด้านหลังโค้งเคารพอีกคราเพื่อขอตัวออกไปอย่างเงียบๆ
ทั้งห้องตกอยู่ภายใต้ความเงียบเมื่อเสียงปิดประตูบานใหญ่นั้นปิดลงไป
เจ้าของร่างนวลภายใต้ชุดคลุมอาบน้ำสีขาวอันหมิ่นเหม่หันหลังกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เรียบเฉยก่อนที่นัยน์ตากลมสีเงินจะมองสบกับคนตัวสูงกว่า
“ใกล้ถึงเวลาไปที่งานแล้วนะครับคุณหนูเจสเปอร์”
“ใส่เสื้อผ้าให้ฉันสิมาร์คัส”
“ครับ”
เจ้าของชื่อ มาร์คัส
ปฏิบัติตามอย่างว่าง่ายหลังจากที่ทั้งคู่เคลื่อนย้ายตัวมายังห้องชุดอีกห้องติดกับห้องอาบน้ำเมื่อครู่
สิ้นคำรับปากของมาร์คัสชุดคลุมอาบน้ำที่เคยปกปิดร่างนวลของคุณหนูเจสเปอร์ก็หลุดรนลงสู่พื้น
ร่างกายอันเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์บดบังปรากฏตรงหน้าของมาร์คัส
แสงสีส้มอ่อนในห้องสะท้อนวาวกับผิวเนื้อไปตามสัดส่วนร่างกายยิ่งส่งให้ร่างนวลเปล่งประกายราวกับต้องแสงจันทร์ในยามวิกาล
มาร์คัสก้าวหนึ่งก้าวขยับเข้าไปใกล้คุณหนูเจสเปอร์หลังจากหยิบชุดสูทสีขาวสะอาดตามาไว้ในมือ
คุณหนูเจสเปอร์อยู่ในชุดสูทสีขาวเรียบร้อยหลังจากที่มาร์คัสเป็นคนสวมใส่มันให้ทั้งหมดไม่ว่าจะทั้งภายในหรือภายนอก
ก่อนที่สาวรับชะเข้ามารับช่วงต่อทันทีเพื่อเตรียมตัวให้เสร็จทันเวลางานเลี้ยงหรูที่ถูกจัดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลใหญ่
“มาร์คัสอยู่ไหน”
“อยู่ที่งานเลี้ยงค่ะคุณหนู”
เสียงใสเปล่งถามขึ้นในขณะที่สาวรับใช้กำลังพรมน้ำหอมกลิ่นโปรดให้ตามจุดต่างๆบนร่างกาย
เจ้าหล่อนคนหนึ่งเอ่ยตอบพลางรับน้ำหอมจากเพื่อนสาวใช้อีกคนไปเก็บมันไว้ที่เดิม
“ไปตามเขามาหาฉันที่ห้อง”
“แต่คุณหนูต้องเข้างานเลี้ยงแล้วนะคะ”
“ไปตามมา”
“ทราบแล้วค่ะ”
หนึ่งในสาวรับใช้เอ่ยตอบอย่างยอมจำใจให้กับคุณหนูเจสเปอร์ที่เอ่ยอย่างเอาแต่ใจก่อนที่เจ้าของร่างนวลภายใต้สูทสีขาวจะเดินหลีกพวกหล่อนออกมาและตรงไปยังห้องนอนส่วนตัวของตัวเอง
ก็อก! ก็อก!
ไม่นานเกินรอให้เกิดอาการหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดและปิดประตูตามมา
เสียงการเดินเป็นจังหวะอันคุ้นหูมาหยุดลงที่ด้านหลังไม่ไกลบ่งบอกได้ว่าคนที่คุณหนูแสนเอาแต่ใจต้องการพบได้มาถึงแล้ว
แสงสีขาวนวลจากพระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างลอดผ่านหน้าต่างทรงสูงเข้ามา
ดวงตากลมสีเงินวาววับสะท้อนความเปล่งประกายและความต้องการของตัวเองอย่างปิดไม่มิด
เรียวขาภายใต้กางเกงสีขาวเนื้อดีเยื้องย่องเข้ามาใกล้คนตัวสูงในขณะที่มาร์คัสก็เพียงแต่ยืนนิ่งมองร่างผ่องของคุณหนูเจสเปอร์เคลื่อนเข้ามาใกล้ทีละนิดจนในที่สุดระยะห่างสุดท้ายก็หมดลง
แขนเรียวถูกยกขึ้นมาคล้องเข้าที่ลำคอแกร่งของมาร์คัสพร้อมกับใบหน้าค่อนไปทางสวยหวานของคุณหนูจะขยับมาอยู่ใกล้ให้ลมหายใจได้รินรดกัน
รอยยิ้มหวานถูกวาดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับปลายจมูกรั้นที่ชนเข้ากับปลายจมูกโด่งของมาร์คัส
ดวงตากลมสุกใสของคุณหนูเจสเปอร์ยังคงจับจ้องไปยังแววตาสีดำขลับของคนตัวสูงกว่าอย่างไม่ละสายตาราวกับต้องการจะสะกดมนต์ให้มาร์คัสลุ่มหลงในความเปล่งประกายและซื่อใสของตัวเอง
“มาร์คัสวันนี้ฉันฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดด้วย
หอมมั้ย”
คุณหนูเจสเปอร์ไม่ว่าเปล่าแต่กระทำด้วยการเขย่งปลายเท้าของตัวเองให้ตัวสูงขึ้นเทียบเท่ากับมาร์คัสจนคนตัวสูงกว่าจำต้องวาดมือโอบเอวเว้าประคองของร่างผ่องเอาไว้ไม่ให้เอนล้มไปด้านใดด้านหนึ่ง
อีกคนเอียงลำคอระหงของตัวเองในระดับเดียวกับปลายจมูกของมาร์คัส
กลิ่มหอมอ่อนๆปะปนความเย็นชวนให้ผ่อนคลายแต่แฝงความเซ็กซี่ที่ให้ความรู้สึกอยากสูดดมมากกว่าเดิมไม่รู้ว่ามาจากกลิ่นน้ำหอมที่คุณหนูเจสเปอร์ฉีดหรือมาจากกลิ่นกายหอมประจำตัวของคุณหนูกันแน่เพราะมาร์คัสไม่ได้กดฝังจมูกของตัวเองลงกับผิวนุ่มของอีกคนมานานพอสมควรแล้ว
“คุณหนูครับ”
“ไม่อยากกอดฉันเหรอ”
แววตาซื่อใสที่แฝงไปด้วยความรู้สึกแบบเดียวกับเขาถูกส่งออกมาจากสายตาของคุณหนูเจสเปอร์หลังจากที่อีกคนยอมถอยรนตัวเองกลับไปยืนประจันหน้ากันดังเดิม ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์อันเกินเลยของทั้งคู่
ไม่มีใครรู้ว่ามาร์คัสและคุณหนูแสนเอาแต่ใจเคยกอดกันมากี่ครั้งแล้ว
มาร์คัสที่ควบตำแหน่งทั้งคนดูแลประจำตัวและคนสนิทของคุณหนูเจสเปอร์ทำได้เพียงแค่ขบกรามแน่นให้กับประโยคล่อแหลมเชิญชวนนั่นก่อนที่จะปล่อยมือที่ประคองเอวของคุณหนูออกเพื่อมาแกะแขนเรียวของคนตรงหน้าออกด้วยเช่นกัน
“มาร์คัส…”
สีหน้าดื้อรั้นและริมฝีปากบางสีสดน่ามอบจูบอันแสนหวานให้ถูกเบะลงเล็กน้อยโดยเจ้าของผู้แสนเอาแต่ใจ
ดวงตาเศร้าสร้อยระคนความโหยหาถูกส่งมาให้กับคนตัวสูงอยางชัดเจนจนมาร์คัสแทบจะห้ามใจไหวที่จะเข้าไปมอบความโหยหาอีกส่วนในตัวเองให้อีกคนอย่างลึกซึ้ง
“ยังกอดตอนนี้ไม่ได้ครับคุณหนู”
//
เสียงดนตรีดังเคล้าคลอไปกับบรรยากาศหรูภายในคฤหาสน์ชวนให้แขกเรื่อที่มางานเพลิดเพลินไม่น้อย
งานเลี้ยงนี้ถูกจัดขึ้นมาเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้าทางธุรกิจ
แขกมากหน้าหลายตาต่างเดินเข้ามาทักทายคุณหนูเจสเปอร์อย่างไม่ขาดสายทั้งสาวเจ้าลูกเต้าของนักธุรกิจที่ร่วมลงทุนและชายหนุ่มนักธุรกิจหลายคนที่พยายามเข้ามาสานสัมพันธ์อันมากกว่านั้น
คุณหนูแสนเอาแต่ใจเริ่มมีอาการหงุดหงิดก่อขึ้นในอกเล็กๆ
ไม่ใช่เพราะเหล่าผู้คนที่เข้ามาทักทายตัวเองหากแต่เป็นเพราะคนดูแลประจำตัวของตัวเองกำลังถูกรุมล้อมด้วยสาวเจ้าหลายคน
พวกหล่อนต่างก็พยายามผลัดกันชวนมาร์คัสคุยอย่างสนุกสนามในขณะที่คนตัวสูงก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีด้วยการร่วมวงสนทนากับพวกเธอ
สาวเจ้าคนหนึ่งหยิบแก้วไวน์ส่งให้มาร์คัสด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อมราวกับโปรยเสน่ห์ให้
อีกคนรับแก้วไวน์นั้นมาถือไว้ด้วยความสุภาพและส่งรอยยิ้มตอบกลับไป สาวเจ้าเก้อเขินที่ได้รับรอยยิ้มนั้นก็เกิดอาการแก้มแดงอย่างปิดไม่มิด
คุณหนูแสนเอาแต่ใจกำลังรู้สึกถึงความคันยุบยิบในใจของตัวเองแต่ไม่สามารถแสดงกิริยาไม่น่ารักออกมาได้จึงทำได้เพียงเดินไปหยิบเอาเครื่องดื่มคอกเทลสีสวยขึ้นมาจรดที่ริมฝีปากก่อนที่จะจิบมันทีละนิดแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปยังคนตัวสูงอยู่ดังเดิม
“คุณเจสเปอร์ใช่มั้ยครับ”
เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับได้ยินเสียงหัวเราะเบามาจากคนเรียกทางด้านหลังของตัวเอง
คุณหนูเจสเปอร์หันกลับไปมองก็พบเข้ากับผู้ชายตัวสูงหน้าตาหล่อเหลาราวกับงานประณีตชิ้นเอก
อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้พลางยื่นส่งแก้วไวน์สีเข้มมาให้
มือเรียวรับมาถือไว้อย่างเป็นมารยาทแต่อีกคนยังคงส่งแก้วไวน์มาชนอีกครั้งเพื่อเป็นการชวนให้ดื่มทางอ้อมซึ่งคุณหนูเจสเปอร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“น่ารักสมกับที่คุณพ่อผมบอกไว้จริงๆเลยนะครับ”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอครับ”
“พอได้มองใกล้ๆ
แล้วมากกว่านั้นอีกครับ”
รอยยิ้มหวานและเสียงหัวเราะถูกสร้างขึ้นโดยผู้มาใหม่เป็นคนรังสรรค์
คุณหนูเจสเปอร์ได้ความว่าผู้มาใหม่ชื่อ เจเรด เป็นนักธุรกิจที่ร่วมลงทุนกับโครงการใหญ่โครงการหนึ่งกับทางบริษัทด้วยเช่นกัน
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เจ้าของร่างผ่องยืนคุยกับเจเรดและไม่รู้ว่านานเท่าไหร่สำหรับแก้วไวน์สีเข้มในมือ
ความมึนตึงเข้าเล่นงานคุณหนูเจสเปอร์เล็กน้อย มือเรียววางแก้วไวน์ที่เหลือเพียงน้อยนิดลงบนโต๊ะใกล้มือก่อนที่จะกระพริบตาปริบเพื่อปรับโฟกัสสายตาและพยายามดึงสติตัวเองกลับมา
“เป็นอะไรไปครับ”
“สงสัยจะเมาแล้วน่ะครับ”
“คุณหนูครับ”
เสียงของมาร์คัสดังขึ้นพร้อมกับร่างกายที่สูงกว่าเข้ามาประชิดที่ด้านหลังของคุณหนูแสนเอาแต่ใจ
เจเรดมองไปที่มาร์คัสเล็กน้อยก็พบเพียงแค่ความเรียบนิ่งที่ฉาบชัดอยู่บนใบหน้า
นักธุรกิจหนุ่มจึงถอยตัวห่างออกมาตามมารยาท
“มาร์คัส”
“ครับ”
“มึนหัว”
คนดูแลประจำตัวของคุณหนูเจสเปอร์อย่างมาร์คัสเข้ามาประคองร่างผ่องผ่านผู้คนเพื่อเลี่ยงออกมาจากงานเลี้ยงก่อนที่จะช้อนอุ้มร่างของคุณหนูขึ้นมาแนบอกแล้วพาเดินตรงขึ้นมายังห้องนอนส่วนตัวทันที
เสื้อสูทและชุดถูกปลดถอดออกเหลือแต่เพียงเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีขาวเพื่อความสบายตัวให้กับคุณหนูที่นั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงกว้างขนาดคิงไซส์และเฝ้ามองการกระทำของมาร์คัสตั้งแต่ถูกอุ้มเข้ามาในห้อง
“มาร์คัส”
“ครับ”
“ฉันเหนียวตัว
อยากอาบน้ำ”
คนตัวสูงพยักหน้ารับคำของคุณหนูเจสเปอร์ก่อนที่จะออกจากห้องไปครู่หนึ่งเพื่อไปบอกสาวรับใช้ให้พวกหล่อนเตรียมน้ำให้ร่างผ่อง
ไม่นานในบรรดาสาวรับใช้คนหนึ่งก็เข้ามาบอกว่าอ่างน้ำเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วและมาร์คัสยังคงทำเหมือนเดิมโดยการที่อุ้มคุณหนูเพื่อเดินไปยังห้องอาบน้ำ
“พวกเธอออกไปก่อน”
ไม่ใช่เสียงของคุณหนูเจสเปอร์ที่เป็นคนสั่งแต่เป็นเสียงเข้มของมาร์คัสที่เอ่ยบอกเหล่าสาวรับใช้
พวกหล่อมค่อมหัวรับก่อนที่จะเดินออกไป หน้าที่ทั้งหมดในการช่วยคุณหนูอาบน้ำในตอนนี้จึงตกเป็นของมาร์คัสทันทีคนตัวสูงปล่อยคุณหนูในอ้อมกอดลงบนพื้นหินเย็นๆ
หลังจากที่พาเดินมาใกล้อ่างแช่น้ำก่อนที่มาร์คัสจะเริ่มทำหน้าที่ของตัวเอง
ดวงตากลมใสมองคนดูแลประจำตัวที่กำลังปลดกางเกงขายาวสีขาวที่ช่วงขาออกให้จนมันร่วงหลุดลงสู่พื้นตามมาด้วยชั้นใจตัวจิ๋วที่ถูกปลดออกด้วยฝีมือมาร์คัสอีกรอบจนบนร่างเหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวคลุมปิดบังส่วนล่างเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“ถอดเสื้อนะครับ”
“อาบน้ำด้วยกันนะมาร์คัส”
มือของคนตัวสูงกว่าที่กำลังปลดกระดุมเสื้อออกจากรังดุมหยุดชะงักเมื่อประโยคเชิญชวนนั้นจบลง
คุณหนูแสนเอาแต่ใจดึงรั้งสาบเสื้อสูทสีดำด้านนอกให้มาร์คัสขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นก่อนที่จะขยับนิ้วปลดกระดุมสูทด้านนอกออก
มาร์คัสก้มมองมือเรียวที่ขยับปลดกระดุมที่หน้าอกของตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตบนตัวให้คุณหนูเจสเปอร์ต่อและถอดเสื้อบนร่างนวลอันเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่ปกปิดร่างออก
ความพยายามของคุณหนูแสนเอาแต่ใจเป็นผลเมื่อกระดุมทุกเม็ดของเสื้อมาร์คัสถูกปลดออกอย่างรวดเร็ว
รอยยิ้มหวานถูกวาดขึ้นบนใบหน้าของคุณหนูตามมาด้วยแขนเรียวที่คล้องโอบลำคอแกร่งเพื่อดึงรั้งให้มาร์คัสขยับเข้าแนบชิดจนปราศจากช่องว่าง
ใบหน้าเรียวสวยเอียงรับความใกล้ชิดจากมาร์คัสที่ขยับเข้ามาใกล้
ริมฝีปากบางสีแดงสดถูกทาบทับทันทีที่ร่างกายของทั้งคู่แตะสัมผัสลงกับน้ำอุ่นในอ่างกว้าง
มาร์คัสดันตัวของคุณหนูแสนเอาแต่ใจให้ขยับเข้าไปชิดกับขอบอ่างก่อนที่จะขยับตัวบดเบียดเข้าหาร่างนวลจนของเหลวอย่างน้ำแทบผ่านไม่ได้
ลมหายใจอุ่นของมาร์คัสรินรดกระทบเข้ากับผิวเนื้อแก้มขึ้นสีระเอของคุณหนูเจสเปอร์
ริมฝีปากหนาขยับเนิบนาบและดูดดึงกลีบปากสีสดจนมันแดงปลั่งขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู
ฝ่ามืออุ่นใต้น้ำขยับวางลูบไล้เรียวขาของคนตัวเล็กกว่า
มาร์คัสขยับแทรกตัวใต้ผิวน้ำเข้าไปที่ระหว่างขาของเจสเปอร์มืออีกข้างบีบเฟ้นผิวสีน้ำนมของคุณหนูแสนเอาแต่ใจจนอีกฝ่ายส่งเสียงอืออึงในลำคอ
เสียงจูบดังคละเคล้ากับเสียงหายใจถี่ของทั้งคู่
อุณหภูมิจากน้ำอุ่นเพิ่มขึ้นตามอารมณ์ที่กำลังปะทุภายในร่างกาย
ความวาบหวามจากการถูกสัมผัสทำให้คุณหนูเจสเปอร์อดที่จะส่งเสียงน่าอายออกมาไม่ได้
“ขอโทษทีนะเจสเปอร์
แต่ตอนนี้ฉันต้องขอตัวมาร์คัส”
เสียงทุ้มอันคุ้นหูดังขัดขึ้นในจังหวะที่ปลายจมูกโด่งของมาร์คัสกำลังไล่ไปตามแนวลำคอระหงของคนในอาณัติ
มาร์คัสและเจสเปอร์ผละตัวออกจากกันก่อนที่คนตัวสูงจะหันหน้าไปมองยังประตูทางเข้าห้องน้ำที่มีผู้ชายตัวสูงยืนทำใบหน้าเรียบเฉยอยู่
“เจโน่
เข้ามาทำไม”
เจโน่พี่ชายฝาแฝดของเจสเปอร์ยังคงยืนทำหน้านิ่งใส่น้องชายของตัวเอง
ถ้าหากจะบอกว่าไม่มีใครเลยที่รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงจะลืมไปว่ามีหนึ่งคนที่รู้โดยบังเอิญ
“มาตามตัวมาร์คัส”
“อะไรกัน”
คุณหนูแสนเอาแต่ใจดูจะอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อมาร์คัสผละตัวเดินขึ้นจากอ่างอาบน้ำทันทีก่อนที่คนตัวสูงจะเดินไปทางด้านห้องแต่งตัวทันทีเผื่อจัดการตัวเองให้เรียบร้อยจากสภาพเปลือยเปล่า
//
“คุณหนูคะ
ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้วค่ะ”
“มาร์คัสล่ะ”
“รออยู่ที่ห้องอาหารแล้วค่ะ”
ใบหน้าสวยเกิดอาการบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัดเพราะหลังจากที่เจโน่พี่ชายฝาแฝดของเจสเปอร์เข้ามาขัดจังหวะและตามมาร์คัสออกไป
คนดูและประจำตัวของคุณหนูแสนเอาแต่ใจก็ไม่กลับมาส่งคุณหนูเข้านอนเช่นเคย
“รีบลงไปเถอะค่ะคุณหนู
คุณท่านจะดุเอานะคะ”
เบลล์
สาวรับใช้ผมสลวยสีทองเป็นอีกคนที่คุณหนูเจสเปอร์สนิทด้วยเอ่ยพูดออกมาพร้อมทั้งเดินเข้ามาใกล้เตียงที่ร่างผ่องยังคงนั่งนิ่งอยู่ด้วยสีหน้าอ้อนวอนจนคนเอาแต่ใจยอมก้าวขาลงจากเตียงกว้างของตัวเอง
“ก็ได้”
หลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จไปมาร์คัสถูกคุณท่านเรียกตัวไปพบที่ห้องทำงานชั้นบนทันที
คนตัวสูงเห็นสีหน้าอันบึ้งตึงของคุณหนูเจสเปอร์ที่โต๊ะอาหารชัดเจนแต่ก็ไม่ได้เข้าหาแต่อย่างใดเพราะมีเรื่องที่สำคัญกว่าในตอนนี้
“นั่งสิ”
“ครับ”
มาร์คัสนั่งลงตามคำเชิญของคุณท่านที่กำลังหันหลังมองผ่านกระจกอยู่
คนตัวสูงรู้ว่าคุณท่านเรียกตัวเองมาทำไมและรู้ว่าคุณท่านต้องการจะพูดอะไร
“ผมรู้เรื่องแล้วนะครับ”
“เรื่อง? เรื่องอะไรครับ
แล้วทำไมคุณท่านเรียกผมแบบนั้น”
“คุณชายมาร์คัส
เวอร์เลนซ์”
คนถูกเรียกชื่อนั่งนิ่งไปทันทีมาร์คัสถอนหายใจเบาออกมาพร้อมกับสบตาคมของคุณท่านที่หันใบหน้ากลับมามองที่คนตัวสูง
“คุณท่านรู้ตั้งแต่ตอนไหนครับ”
“นั้นไม่สำคัญ”
สายตาของผู้นำตระกูลใหญ่ตรงหน้าดูจริงจังและเคร่งขรึมขึ้นมาจนมาร์คัสนั่งนิ่งมากกว่าเดิม
อีกฝ่ายเดินมาหยุดที่โต๊ะทำงานกว้างและมันเป็นเพียงสิ่งกีดขวางเดียวที่กั้นระหว่างมาร์คัสกับคุณท่านเอาไว้
“…”
“สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณแฝงตัวเข้ามาในตระกูลผมทำไม”
To Be
Continue.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น