//
One short
Dracula Untold
mark x jaemin
mark - mar
jaemin - jar
genre, fantasy - erotic
rate, 18+
hash tag #UNTOLD213
HNY 2019
//
ความเงียบสงัดและเสียงของใบไม้แห้งกรอบดังไปตามทางยามที่รองเท้าผ้าใบคู่หนึ่งเหยียบย้ำลงไป
เสียงกิ่งไม้หักดังขึ้นเมื่อแรงลงเท้าก้าวเหยียบมันจนก้องป่าอันมืดมิด
สัมผัสเย็นชื้นจากหมอกบางสีขาวที่โรยตัวต่ำชวนให้ไรขนลุกชันมากกว่าเดิมเสียจนต้องยกมือลูบแขนปอยๆ
ดวงตาภายใต้ความมืดพยายามสอดส่องไปทั่วสารทิศหากแต่ก็พบเพียงความมืดมิดสีดำที่ปกคลุมอยู่โดยรอบ
เสียงหายใจหืดหอบและลมร้อนที่ถูกพ่นปล่อยออกมาจากโพรงจมูกที่กำลังรับรู้ถึงกลิ่นสาปของซากสัตว์และความอับชื้นจากอากาศเย็นจนแสบคันไปหมด
ความหวาดวิตกกังวลเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อเสียงหวีดหวิวระงมจากลมพัดผ่านเข้ามากระทบร่างกายให้เกิดอาการสั่นไหว
สองแขนเรียวถูกยกขึ้นมาโอบรัดเข้าที่ลำตัวอย่างเชื่องช้าเป็นการปลอบประโลมหัวใจที่กำลังเต้นระรัว
เสียงใบไม้แห้งกรอบทางด้านหลังดังขึ้นพลันร่างทั้งร่างก็หันขวับไปมองอย่างตกใจและหวาดหวั่น
ดวงตากระพริบถี่และหรี่มองเงาดำมืดที่กำลังประชิดตัวในวินาทีต่อมา
ก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงพลางอ้าปากส่งเสียงร้องแสดงถึงความหวาดกลัวออกมาอย่างดัง...
พรึบ!
“จาร์”
“เฮ้ย!”
หนังสือนวนิยายเล่มสวยใหม่เอี่ยมในมือเรียวกระเด็นตกลงบนพื้นพรมพร้อมกับเสียงร้องกล่าวอย่างตกใจที่ถูกเปล่งออกมา
หัวใจดวงน้อยในอกข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
ถี่ระรัวจนแทบหลุดทะลุออกมาจากช่องอกของตัวเอง
ฝ่ามือเรียวถูกสั่งการให้ยกขึ้นกอดตัวเองพร้อมกับลำตัวที่ถูกเอนลงพิงกระแทกกับพนักหัวเตียงอย่างแรง
ดวงตาเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกระพริบปริบเพื่อปรับสายตามองร่างของคนที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง
“พี่มาร์
ตกใจหมดเลย”
“พี่บอกแล้วไงว่าอย่าอ่านหนังสือในที่มืด”
น้ำเสียงเข้มที่กำลังเอ่ยเตือนเขาไม่ได้ทำให้เขาสนใจเสียเท่าไหร่นักเพราะกำลังยกมือลูบหน้าอกของตัวเองอย่างเชื่องช้าเพื่อปลอบขวัญของตัวเองที่กระเจิงปลิดปลิวหนีหายไปหมด
สองมือขยับยัดตัวเองกลับมานั่งตัวตรงเหมือนเดิมเมื่ออีกฝ่ายกำลังก้าวเดินเข้ามาหา
สองขาเรียวภายใต้กางเกงนอนขาสั้นถูกปล่อยลงมาห้อยที่ข้างเตียงพร้อมกับอีกฝ่ายที่นั่งลงข้างเขา
“นอนดึกไปแล้วนะจาร์”
“โถ่
พี่มาร์พรุ่งนี้วันหยุดนะครับ”
“แต่นี่เที่ยงคืนแล้วนะ”
ใบหน้าของเขางอง้ำลงเล็กน้อย
ลำตัวก้มลงเพื่อเอื้อมมือไปหยิบเอาหนังสือนิยายเล่มใหม่ขึ้นมาแล้ววางมันลงบนหน้าตักของตัวเอง
“ก็ได้ครับ
ยอมนอนแล้วก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ออกไปทำงานต่อแล้วนะ”
“ไม่เอา
พี่มาร์ต้องมานอนกับจาร์เดี๋ยวนี้เลย”
จาร์รู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจที่พูดแบบนั้นออกไปแต่เขารู้ดีว่ายังไงอีกฝ่ายก็ตามใจแน่นอน
คนอายุเยอะกว่ามองใบหน้าน่ารักของคนที่นั่งอยู่บนเตียงก่อนที่จะพยักหน้ารับให้เห็น
“ก็ได้ครับ”
คนอายุเยอะกว่าเอ่ยตอบอย่างจำยอมพร้อมทั้งเดินไปปิดไฟรอบเอ่ยตอบอย่างจำยอมพร้อมทั้งเดินไปปิดไฟรอบห้องเหลือไว้เพียงไฟข้างเตียงนอนที่มีเขานั่งมองอยู่อย่างเงียบๆ
มาร์ที่เดินไปปิดประตูระเบียงเป็นอย่างสุดท้ายก่อนจะหันหน้ามามองเขานั่นทำให้เราสบตากันท่ามกลางความมืดที่สลัวด้วยแสงไฟสีส้ม
ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เขาสบตากับมาร์ดวงตาสีฟ้าครามดุจน้ำทะเลลึกของอีกคนมักจะดึงดูดสายตาของเขาได้ดีเสมอ
มาร์มีสีผิวที่ขาวละเอียดแต่ไร้เลือดฝาดให้เห็นแต่ริมฝีปากกลับแดงฉ่ำและมันวาวราวกับลูกเชอร์รี่เคลือบน้ำตาลจนน่าแปลกใจ
ในยามที่ตัวของมาร์ต้องแสงจากอาทิตย์ดวงโต
ตัวของอีกฝ่ายก็ดูเปล่งประกายไม่น้อยแต่บางครั้งมาร์ก็ไม่ชอบแสงอาทิตย์นักด้วยเหตุผลที่ว่ามันทำให้ร่างกายของอีกคนอ่อนแรงและแสบร้อนที่ผิว
จาร์สงสัยในตัวมาร์หลายอย่างแต่เขาไม่เคยเอ่ยปากพูดหรือถามมีเพียงมาร์ที่มักจะบอกเสมอว่ามีเรื่องอะไรให้คุยกับมาร์ตรงๆ
หลายครั้งที่เขาเห็นพฤติกรรมของมาร์เปลี่ยนไปยามที่อยู่กับเขาสองต่อสอง
แต่ไม่ใช่เพียงมาร์คนเดียวที่รู้สึกถึงความแตกต่างของตัวเองเวลาอยู่กันสองคน
เพราะจาร์เองก็หัวใจเต้นระรัวไม่ต่างกันยามที่ต้องสบตากับมาร์แบบนี้บ่อยครั้ง
ทั้งเขาและมาร์ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ
ไม่ใช่พี่น้องรวมสายเลือด
มาร์คือคนใจดีที่รับเขามาดูแลหลังจากที่เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าในชุมชนแห่งหนึ่ง
มาร์มาที่บ้านเด็กกำพร้าที่เขาอยู่และขอรับเลี้ยงเขาทั้งๆที่บ้านเด็กกำพร้ามีกฎว่าผู้ขอรับบุญธรรมเด็กจะไม่สามารถระบุตัวของเด็กได้
แต่มาร์กลับทำได้และพาเขาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่
มาร์ใจดีและตามใจเขาเสมอ
ไม่ว่าเขาจะทำอะไรมาร์มักช่วยและอยู่เคียงข้างเขาตลอด
จาร์อยู่กับมาร์มาตั้งแต่อายุ
14
จนตอนนี้จาร์อายุครบ
18
ปีบริบูรณ์แล้วแต่มาร์กลับไม่เคยมองเขาต่างจากเดิมเลยสักนิด
มาร์มักจะมองเขาเป็นเด็กตัวเล็กในสายตาเสมอเป็นน้องจาร์ที่ยังไม่โตเมื่อสี่ปีก่อน
ทั้งๆ
ที่เขานั้นรู้สึกกับมาร์มากกว่าเมื่อสี่ปีก่อนแล้วแท้ๆ
แต่มาร์กลับหลีกเลี่ยงมันทุกครั้งจนบางทีสิ่งที่เขาคิดว่าเราสองคนความรู้สึกตรงกันอาจจะเป็นฝ่ายจาร์เพียงคนเดียวที่คิดไปเอง
“เป็นอะไรหรือเปล่าจาร์”
“เปล่าครับ”
เขาสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อคนที่สบตากันก่อนหน้านี้ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ
กัน
จาร์เสสายตาหลบคนตรงหน้าพร้อมกับขยับตัวพิงหัวเตียงฝั่งตัวเองด้วยท่าทางปกติ
“งั้นก็นอนได้แล้วนะ”
“อือ
พี่มาร์นอนข้างกัน”
“ครับ”
ว่าเสร็จคนอายุเยอะกว่าก็ทิ้งตัวนอนข้างเขาทันที
อีกฝ่ายขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะจัดท่าทางให้ตัวเองนอนพิงหัวเตียงและทอดสายตามองเขาที่กำลังขยับหัวกลมๆ
ของตัวเองหนุนหมอนสีขาวใบโตอยู่ใกล้ๆ
“ตัวอุ่นจังเลย
จาร์ขอกอดได้มั้ย”
“ได้ครับ
แต่เราต้องนอนนะ”
“อือ
นอนครับ”
“ฝันดีครับ”
“เหมือนกันครับ”
ในเวลาไม่นานหลังจากที่เขาเอ่ยตอบคนอายุมากกว่าไป
เปลือกตาของเขาก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาเสียดื้อๆ
จนกระทั่งผ่านไปสักระยะหนึ่งจาร์เริ่มหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอเพราะได้หลับไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“ฝันดีอีกรอบครับ
จาร์ของมาร์”
มาร์เอ่ยพูดออกมาเสียงเบาพลางก้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่หน้าผากรวมทั้งริมฝีปากบางสีชมพูนุ่มนิ่มนั่นด้วย
จาร์ไม่เคยรู้ว่าเขาทำแบบนี้ทุกครั้งหลังอีกคนหลับไป
ทำไมมาร์จะไม่รู้ว่าจาร์คิดยังไงกับตัวเอง
แต่เพราะเขายังมีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกกับจาร์อีกตั้งมากมายนั่นทำให้เขาจำต้องข่มใจไว้เสมอ
ข่มใจที่มันไม่เคยเต้นระรัวมาเกือบพันปีให้สงบลงเพื่อรอเจ้าของของมันในวันที่รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
//
“พี่อยู่ที่ห้องทำงานนะ”
“อือ”
จาร์เอ่ยตอบรับคำพูดของคนอายุมากกว่าก่อนที่มาร์จะเดินออกจากห้องสมุดขนาดกว้างไปเหลือเพียงจาร์ที่กำลังเปิดหน้าหนังสืออ่านต่อไปเรื่อยๆ
อย่างไม่รู้สึกเบื่อ
หน้ากระดาษที่ถูกพิมพ์ด้วยหมึกสีดำหมดไปหน้าแล้วหน้าเล่าแผ่นแล้วแผ่นเล่าจนเจ้าของร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่เริ่มขยับตัวเล็กน้อยหลังนั่งจมอ่านหนังสือมานานเกือบครึ่งชั่วโมงได้แล้ว
ท้องเล็กๆ
ส่งเสียงรบกวนเขาขึ้นมานั่นทำให้จาร์จำต้องพาตัวเองออกจากห้องสมุดของบ้านแล้วลงมายังห้องครัวแทน
มือเล็กเริ่มทำงานจัดแงทำอาหารของตัวเอง
มีดคมกดฉับตัดผักบนเขียงอย่างต่อเนื่องด้วยความชำนาญแต่ในระหว่างที่กำลังหั่นผักอยู่นั้นความผิดพลาดก็มักจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแม้ตัวเองจะคล่องแคล่วแค่ไหนก็ตาม
“อะ!”
จาร์ร้องออกมาด้วยความสะดุ้งตกใจเมื่อคมมีดกดกรีดลงมาบนปลายนิ้วลึกพอสมควร
เลือดสีแดงสดไหลออกมาเป็นสายเพราะแรงที่เจ้าของร่างบางกดลงบนมีดผ่านลงบนผิวเนื้อหนักมากพอตัวให้รอยแผลนี้ฉีกกว้างและเอ่อล้นด้วยเลือดเข้มของตัวเอง
เขาวางมือลงบนซิงค์ก่อนที่จะเปิดให้น้ำไหลชำระร่องรอยของโลหิตแดงที่ปลายนิ้วออกไปส่วนสาตาก็มองหาผ้าสะอาดหวังจะเอามากดซับปากแผลเอาไว้
ปลายนิ้วเรียวเต้นตุบตัวดวามปวดจนจาร์เบ้หน้าเล็กน้อยแต่ก็ยังหาผ้าสะอาดไม่ได้เสียที
“จาร์เป็นอะไร”
“พี่มาร์
เอ่อ”
“พี่ดูหน่อยสิ”
คนอายุน้อยกว่าตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ
คนพี่โผล่มาทางด้านหลังของตัวเองด้วยความเงียบเชียบ
จาร์ไม่ทันได้รับคำจากมาร์เลยด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายก็คว้าเอามือของเขาไปดูเป็นที่เรียบร้อย
“ทำไมไม่ระวังเลยจาร์”
“พี่มาร์ไม่ดุกันได้มั้ย”
“เฮ้อ
คราวหลังก็ระวังหน่อยนะครับ”
“ครับ”
“เอานี้กดแผลไว้พี่จะไปกล่องปฐมพยาบาลนะครับ”
จาร์รับคำคนอายุเยอะกว่าด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ
ด้านมาร์เองที่เห็นว่าเลือดของอีกคนยังไหลไม่หยุดจึงออกแรงขบกรามแน่นเพื่อระงับบางอย่างในใจของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะยืนผ้าเช็ดมือผืนใหม่จากเคาน์เตอร์ชั้นบนมาให้แล้วเดินออกไปเอากล่องปฐมพยาบาลเพื่อนำมาทำแผลให้กับเขา
มาร์กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในมือก่อนที่จะให้เขาย้ายตัวเองมานั่งที่โต๊ะทานอาหาร
คนอายุมากกว่านั่งมองรอยแผลของเขาที่มีเลือดซึมออกมาเป็นระยะๆ
ด้วยสายตานิ่งสงบก่อนที่จะเริ่มทำแผลให้เขาอย่างระมัดระวัง
เจ้าของร่างบางรู้สึกปวดแผลไม่น้อยหลังจากที่มาร์ทำแผลให้เรียบร้อยแล้วและตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองคนพี่ทำอาหารให้ทานแทน
อันที่จริงเมื่อครู่ในตอนที่มาร์เห็นแผลและเลือดของเขา
จาร์มั่นใจแน่นอนว่ามาร์ทำสีหน้าแปลกๆ
ราวกับว่าต้องเลือดจากนิ้วของเขายังไงก็ไม่รู้และในช่วงที่ทำแผลอย่จาร์ก็สังเกตุได้ว่าอีกคนกำลังรู้สึกเกร็งและกัดฟันทนกับอะไรบางอย่างอยู่แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ในใจแทนถามมาร์ออกมา
“เสร็จแล้ว”
“พี่มาร์ไม่กินด้วยกันเหรอ”
“ไม่ล่ะ
พี่ไม่หิวน่ะ”
มาร์ว่างจานอาหารลงบนโต๊ะหลังจากทำเสร็จแล้วพร้อมกับเดินไปนั่งตรงข้ามกับเขาที่ก้มหน้ามองจานอาหารตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนที่จะเงยหน้ากลับขึ้นมองมาร์ด้วยสายตาขอบคุณ
“พี่มาร์
จาร์กินข้าวมือซ้ายไม่ถนัดอะป้อนหน่อยสิครับ”
“ครับ”
คนอายุเยอะกว่าเอ่ยตอบรับพลางย้ายตัวเองจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมานั่งข้างๆ
เขาแทน
มือหนาหยิบจับเอาช้อนและซ้อมมาถือไว้ในมือก่อนที่จะตักอาหารแล้วป้อนเขาเรื่อยๆ
จนกระทั่งอาหารฝีมือของมาร์หมดลงทุกอย่างและจาร์เองก็รู้สึกอิ่มไม่น้อย
มาร์เดินกลับเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองหลังจากดูแลคนน้องเสร็จแล้วเรียบร้อยและปล่อยให้จาร์นั่งเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
ส่วนเขาก็รีบกลับมายังห้องทำงานก่อนที่จะเดินตรงไปยังชั้นวางของที่ถูกล็อกด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ลักษณะคล้ายกับตู้เซฟนิรัภัยก่อนที่จะป้อนรหัสมันแล้วปลดล็อกเปิดชั้นออก
ด้านในเซฟล็อกปรากฏขวดแก้วหลายใบอันบรรจุด้วยเม็ดกลมใสสีแดงเข้มข้นคล้ายเม็ดยา
มือหนาเอื้อมมาหยิบขวดแก้วออกไปหนึ่งขวดก่อนที่จะปิดเซฟล็อกทันทีและเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเองพลางขบกรามแน่นเพราะความร้อนรุ่มภายในอกที่ก่อตัวขึ้นจนอึดอัดไปหมด
มาร์วางขวดแก้วที่บรรจุเม็ดสีแดงคล้ายยานั่นไว้บนโต๊ะก่อนที่จะเปิดฝามันออกแล้วหยิบมันออกมาเม็ดหนึ่ง
มาร์มองเม็ดสีแดงเข้มในมือด้วยสายตานิ่งๆ
ก่อนที่จะกินมันเข้าไปหลังจากนั่นเพียงครู่เดียวผิวเนื้อสีขาวจัดของมาร์ก็ขึ้นรอยเส้นเลือดชั้นเจนทุกสัดส่วนของร่างกาย
ตาของมาร์แปรเปลี่ยนจากสีดำนิลกลายเป็นสีแดงแสงสว่างราวกับเม็ดอัญมณีราคาสูง
เขานั่งหายใจเข้าออกอย่างแรงด้วยความรู้สึกเอ่อล้น
เส้นเลือดปูดโปนขึ้นลำคอแกร่งเองก็เผยรอยเส้นเอ็นชัดก่อนที่อาการเหล่านั้นจะหายไปในเวลาถัดมา
มาร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะคมเขี้ยวของตัวเองกำลังกลับกลายมาเป็นลักษณะซี่ฟันปกติและเส้นเลือดมากมายบนร่างค่อยๆ
จางลงจนกลับมาเหลือเพียงผิวเนื้อสีขาวจัดดังเดิม
ยาเม็ดใสนั้นคือสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นเองจากความรู้หลากหลายที่เขาสะสมมานาน
มันเป็นเม็ดยาที่ประกอบไปด้วยโลหิตของสัตว์ใหญ่และส่วนผสมอื่นๆ
เพื่อใช้ระงับอาการกระหายเลือดของตัวเอง
ดวงตาคมนิ่งมองตรงไปยังกรอบรูปบนโต๊ะทำงานอันซึ่งเป็นรูปภาพของเขากับคนน้องที่ถ่ายด้วยกันเมื่อสองปีที่แล้ว
เขาไล่สายตามองรูปโครงหน้าของจาร์ในรูปด้วยความรู้สึกหลากหลายพลางคิดว่าเขาจะเริ่มต้นอย่างไรดีในการเอ่ยบอกเรื่องบางเรื่องกับอีกฝ่าย
มาร์ไม่ใช่มนุษย์ปกติเหมือนคนทั่วไปบนโลกใบนี้
เขาเป็นสิ่งประหลาดที่หลายคนหวาดกลัว
หวาดกลัวว่าอาจจะถูกช่วงชิงลมหายใจไปโดยไม่ทันรู้ตัวเขาเป็นความเชื่อแบบนี้มาเนิ่นนานตั้งแต่เมื่อสมัยโบราณ
แต่คำพูดบอกเล่าพวกนั้นบางส่วนมันก็แค่เรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่ออรรถรสในการอ่านหรือรับฟัง
เขาถูกเรียกและตราหน้าว่าแวมไพร์เป็นอมนุษย์ที่ค่อยสร้างความหวาดกลัวต่อชาวเมืองในยามรัตติกาลมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์
แต่เขาไม่ใช่พวกอมนุษย์ชั้นต่ำแบบพวกนั้นเขาเป็นบรรพบุรุษเป็นผู้สืบทอดเป็นบุตรของจอมปีศาจที่ถูกขนานนามว่าแดรกคูล่า
แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกเผ่าพันธุ์ของมาร์ที่คนในปัจจุบันรู้จักภาพยนตร์เรื่องดังหลายๆ
เรื่องเท่านั้นเพราะแครกคูล่าที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวบนโลกแคบๆ
ใบนี้ก็คงมีเพียงเขาแค่คนเดียว
และเขายังคงอยู่ดูการเปลี่ยนแปลงโลกนี้มากว่าสองพันปีแล้ว
จูเลียน่าคือชื่อของราชินีที่เคียงคู่บัลลังก์ของเขา
แต่เพราะสงครามล่าแม่มดและทำลายบุตรปีศาจลุกลามมากขึ้นภายในทรานซิลเวเนียจึงทำให้เขาต้องสูญเสียราชินีจูเลียน่าไปอย่างไม่คาดคิด
เขาจึงเฝ้ารอการกลับมาของดวงวิญญาณนั้นจนผ่านมาถึงสองพันปี
และการที่เขาอยู่บนโลกนี้อย่างมาอย่างยาวนานเพียงเพราะต้องการเฝ้ารอใครบ้างคนจากอดีตที่เคยผูกพัน
เขาต้องการที่จะพบเจอเพียงแค่ราชินีคู่บัลลังก์ของเขาคนนั้นผู้เดียวและในตอนนี้เขาก็ได้พบแล้วซึ่งจูเลียน่าในตอนนี้ก็คือจาร์
//
“อยู่ไหนครับ”
[ร้านคอฟฟี่ตรงข้ามกับร้านอาหารที่พี่มาร์มาคุยงานครับ]
“พี่คุยงานเสร็จแล้วกำลังไปหานะ”
[อือ
เดี๋ยวจาร์ออกมารอหน้าร้านครับ]
“ครับ”
มาร์วางโทรศัพท์หลังจากนัดแนะกับคนน้องเรียบร้อยแล้ว
วันนี้มาร์มีนัดคุยงานกับลูกค้าใกล้กับไฮสคูลของจาร์พอดีเขาจึงรอรับน้องกลับไปที่บ้านด้วยกันทีเดียว
เจ้าของร่างสูงในชุดสูทเดินขึ้นรถยนต์ของตัวเองเพื่อจะได้ขับไปรับจาร์ที่อยู่ร้านคอฟฟี่ตรงข้ามร้านอาหารที่เขาอยู่
แค่เพียงครู่รถคันหรูก็จอดลงที่ถนนฝากตรงข้ามกับร้านคอฟฟี่
มาร์เห็นคนน้องที่กำลังมองมาที่รถของเขาด้วยรอยยิ้มกว้างปลายนิ้วกดลดกระจกเพื่อที่จะบอกให้จาร์ข้ามถนนมาหาเขาเพราะทางกลับบ้านคือฝั่งที่มาร์จอดรถรอยอยู่
“จาร์ครับเดินข้ามทางม้าลายมาหาพี่ระวังๆ
นะ”
คนน้องที่ได้ยินเสียงเขาเอ่ยพูดก่อนที่จะพยักหน้ารับด้วยความเชื่อฟัง
ดวงตากลมใสมองรถฝั่งของตัวเองอย่างระมัดระวังรวมทั้งดูไฟของทางม้าลายที่ขึ้นสัญญาณบ่งบอกให้เดินข้ามได้
ขาเรียวภายใต้กางเกงสีครีมก้าวฉับมาจนเกือบถึงกลางทางม้าลายแต่ก็ต้องชะงัก
รถยนต์คันสีขาวสะอาดพุ่งตรงมาหาจาร์อย่างไม่ทันให้ตั้งตัว
หัวใจดวงเล็กเต้นระรัวเมื่อรถคันนั้นพุ่งเข้ามาหาเรื่อยๆ
ภาพตรงหน้าจาร์ช้าลงจนเจ้าตัวกลั้นหายใจเหงื่อเม็ดใสผุดขึ้นทั่วใบหน้าและร่างกายจนรู้สึกเย็นเชียบ
เปลือกตาสีมุขปิดฉับลงเพราะความหวาดหวั่นพุ่งขึ้นมาในอกร่างหยุดยืนนิ่งเพราะความตกใจอย่างกะทันหันและหัวใจที่เต้นถี่ระรัวมากขึ้นเพราะต้องรอรับความเจ็บปวดแสนสาหัสที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาต่อมา
เฮือก!
จาร์สะดุ้งจนต้องเปิดเปลือกตาขึ้นทันทีที่ร่างกายรับรู้ถึงความอุ่นของอ้อมกอดและวงแขนแกร่ง
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายบีบรัดเข้าหากันแน่นเมื่อเจ้าของอ้อมกอดนี่คือมาร์ที่กำลังช้อนร่างของจาร์เอาไว้แนบอก
“พ
พี่มาร์”
คนน้องเรียกชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
รวมทั้งตัวของน้องเองก็เริ่มเกิดอาการสั่นออกมาน้อยๆ
เจ้าของดวงตากลมใสกำลังมีน้ำตามาคลอเคล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
และแรงกอดรั้งคอแกร่งที่คอของมาร์ก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
มาร์รับรู้ได้ดีว่าน้องกำลังกลัวถึงขีดสุดและเขาเองก็กลัวเช่นเดียวกันว่าอาจจะไปถึงตัวของน้องไม่ทันการณ์เมื่อครู่แต่เพราะมาร์รู้ตัวว่าเขาก็เร็วพอที่จะคว้าตัวน้องทันเขาก็ไม่มีความลังเลใดเข้ามาอีกก่อนที่จะขยับตัวด้วยความไวแสงไปอุ้มตัวน้องกลับมาที่ข้างรถได้ในพริบตา
มาร์วางตัวน้องลงบนเบาะรถหลังจากเปิดประตูรถเรียบร้อยแต่อีกคนก็ยังรั้งคอของมาร์เอาไว้อยู่อย่างไม่ยอมปล่อย
มาร์มองใบหน้านวลที่กำลังกลับมาขึ้นสีฝาดพร้อมทั้งมองสบดวงตาใสฉ่ำวาวไปด้วยน้ำของน้ำตาที่กำลังเอ่อไหลก่อนที่จะส่งปลายนิ้วไปเกลี่ยหยดน้ำตาเม็ดใสออกจากพวงแก้มให้กับจาร์ที่กำลังเริ่มสะอื้นออกมา
“ชู่ว
ปลอดภัยแล้วนะครับ”
“ฮึก
พี่มาร์”
คนน้องยังคงเรียกชื่อของเขาออกมาพร้อมทั้งเลื่อนมือข้างหนึ่งมากำที่เสื้อบริเวณอกของมาร์แน่น
คนพี่ที่เห็นน้องยังอยู่ในอาการตกใจแบบนี้ก็รีบสวมกอดอุ่นเข้าหาตัวจาร์ทันทีและตอนนั้นจาร์ก็ปล่อยหยาดน้ำตาไหลทะลักออกมาจนเปียกชื้นเสื้อของมาร์
“ฮึก
ฮือ
จาร์กลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะครับพี่จะไม่ให้เราเป็นอะไรไปอีก
ปลอดภัยแล้วนะครับ”
หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนห้าโมงเย็นที่ผ่านมาตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเกือบเจ็ดชั่วโมงแล้ว
แต่จาร์ก็ยังคงเกิดอาการขวัญผวาอยู่ตลอดจนมาร์ไม่ได้ขยับตัวไปไหน
จาร์ยังคงมรอาการซึมและตกใจอยู่บ้างนั่นทำให้เขาไม่อยากปล่อยจาร์ไว้คนเดียว
“พี่มาร์
จาร์นอนไม่หลับ”
คนตัวบางในอ้อมกอดของเขาเอ่ยพูดขึ้นก่อนที่จะขยับตัวยุกยิกครู่หนึ่งเพื่อซุกเข้าหาอกของมาร์มากยิ่งขึ้นซึ่งเขาก็อ้าแขนให้คนน้องเข้าใกล้อกของเขามากกว่าเดิมก่อนที่จาร์จะเอ่ยพูดถามออกมาด้วยเสียงแผ่วๆ
ต่อ
“พี่มาร์
จาร์ถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“ว่ามาสิ”
อีกคนเอ่ยตอบอย่างใจดีพลางส่งมือหนาและนิ้วยาวมาลูบมาสางเส้นผมของเขาอย่างช้าๆ
ก่อนที่จะวางมือไว้บนศีรษะของเขานิ่งๆ
“เมื่อเย็นพี่มาร์ทำยังไง
เอ่อ
ถึงมาอุ้มจาร์หลบรถคันนั้นทันครับ”
เอ่ยถามออกไปด้วยเสียงแผ่วๆ
แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะได้ยินชัดเจนเพราะทั้งห้องเงียบสนิทและจาร์เองก็นอนชิดตัวของมาร์พอสมควร
ใกล้พอให้จาร์ได้กลิ่นประจำตัวอันคุ้นเคยรวมทั้งไออุ่นจากตัวของคนพี่ที่นอนแนบชิดกันอยู่
มาร์เลิกคิ้วเข้มของตัวเองขึ้นก่อนที่จะยกยิ้มให้คนในอกเล็กน้อยพลางเริ่มขยับมือบนศีรษะกลมๆ
ของจาร์แล้วทอดสายตามาสบกับคนน้องที่เงยหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยพูดออกมาช้าๆ
“พี่ว่าคงถึงเวลาแล้วที่เราควรรู้ความจริงของพี่”
“ครับ? ความจริง? ความจริงอะไร?”
“จาร์รู้มั้ยว่าโลกใบนี้มีอะไรอีกเยอะที่เราไม่รู้และจาร์สามารถถามพี่ได้ตลอด”
“....”
“จริงๆ
แล้วมีแค่พี่ฝ่ายเดียวที่รับรู้การเป็นอยู่และรับรู้ตัวตนของจาร์มาตลอด
พี่รู้เรื่องทุกอย่างของจาร์มามากกว่าสี่ปีที่เรารู้จักกันด้วยซ้ำ
รู้จักมามากกว่านั้นเยอะมากๆ”
มาร์เอ่ยตอบแต่ก็ไม่ตรงคำถามที่คนน้องถามไปก่อนหน้านี้แต่จาร์ก็ยังพยักหน้ารับคำของมาร์อย่างช้าๆ
น้ำเสียงของมาร์ดูจริงจังขึ้นมาทันทีจนจาร์ไม่อาจที่จะเอ่ยขัดแต่อย่างใด
กลับกันคนในอ้อมอกกลับรู้สึกอยากฟังสิ่งที่มาร์จะพูดต่อไป
“หมายความว่าพี่มาร์รู้จักจาร์มาก่อนเหรอ”
“ครับ”
“....”
“จาร์เรื่องต่อจากนี้ที่พี่จะเล่าให้จาร์ฟังมันอาจจะเหมือนเรื่องตลก
เพ้อฝัน
และเหมือนภาพยนตร์สักเรื่อง
แต่จริงๆ
แล้วมันคือเรื่องจริงของพี่
คือสิ่งที่พี่เป็นจริงๆ
และจาร์อาจจะกลัวพี่ไปเลยก็ได้”
คนน้องนิ่งเงียบที่จะฟังมาร์ต่ออย่างไม่ขัด
เขาจึงยังคงทอดสายตามองสบกับดวงตากลมสุกใสของจาร์ด้วยความรู้สึกหลากหลายก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาให้จาร์ฟังพร้อมทั้งยกเหตุผลมาประกอบในบางเรื่องที่น้องเกิดอาการสงสัย
และอย่างสุดท้ายก็คือความรู้สึกของเขาที่อัดแน่นมาตลอดหลายปีที่ผ่านมาว่าเขารักจาร์มากขนาดไหนนั่นทำให้จาร์เองก็กล้าที่จะเอ่ยพูดความรู้สึกตัวเองออกมาบ้างว่าอีกฝ่ายเองก็รู้สึกเหมือนกันกับเขา
ค่ำคืนแห่งความจริงที่จะแสนยาวนานของมาร์และจาร์จบลงในตอนใกล้เช้า
เขารู้สึกสบายใจที่ได้พูดสิ่งในใจออกมาให้จาร์ฟังจนหมดสิ้นและดีใจที่น้องเองไม่ได้เกิดความกลัวต่อตัวตนจริงๆ
ของเขา
ตัวตนที่ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นบุตรของปีศาจนามว่าแดรกคูล่า
//
“จาร์ถ้าเป็นไปได้วันนี้ก็อยู่ห่างๆ
พี่ไว้ก่อนนะ”
“แต่จาร์อยากนอนกับพี่”
“ไม่ได้ครับ
จนกว่าจะพรุ่งนี้เช้าเราถึงเข้าใกล้พี่ได้”
“พี่มาร์จะฝืนตัวเองทำไมครับ”
“เพื่อความปลอดภัยของตัวจาร์ครับ
พี่ไม่อยากทำให้จาร์เจ็บ”
“ก็ได้ครับ”
“ดีมากครับเด็กดี”
จาร์ก้มหน้าพลางพยักหน้าเบาๆ
วันนี้เป็นวันหยุดของเขาซึ่งจาร์อยากใช้เวลาอยู่กับมาร์ทั้งวันแต่ทุกกลับผิดแผนไปหมดเนื่องจากวันนี้เป็นวันพระจันทร์สีเลือดในรอบหกสิบสองปี
มาร์ต้องเก็บตัวอยู่ที่ห้องชั้นใต้ดินของบ้านเพื่อความปลอดภัยของจาร์เอง
มาร์บอกว่าในวันที่พระจันทร์สีเลือดเวียนมาบรรจบในรอบหลายปี
สายเลือดของบุตรแห่งปีศาจจะมีความต้องการและความกระหายอยากมากกว่าเดิมชนิดที่ว่าถ้าเป็นเมื่อสมัยโบราณการณ์ที่มาร์ใช้ชีวิตผ่านมา
หนึ่งหมู่บ้านจะต้องถูกสังเวยเลือดอย่างน่าอนาถ
“แล้วก็ไม่ว่ายังไงก็ตามอย่าได้ลงไปที่ชั้นใต้ดินและอย่าเปิดประตูห้องนอนออกมา”
“ครับ”
จาร์เอ่ยรับปากมาร์ก่อนที่คนพี่จะวางมือมาลูบลงบนศีรษะกลมๆ
ด้วยความอ่อนโยน
น้องเงยหน้าขึ้นมามองมาร์ด้วยความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบังก่อนจะสวมกอดคนพี่และซุกใบหน้าลงกับไหล่หนาของมาร์
“พี่มาร์จะไม่เจ็บตัวใช่มั้ย”
“ครับ”
คนพี่เอ่ยตอบรับด้วยเสียงแผ่วพลางขบกรามเข้าหากันเพราะต้องข่มอารมณ์อันแรงกล้าของตัวเองที่กำลังตีรวนพวยพุ่งขึ้นมาในห้วงอารมณ์ของตัวเองและนั่นทำให้มาร์รู้ว่าอาการคลั่งของตัวเองกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
มาร์ไม่คิดว่าอาการมันจะออกมาเร็วขนาดนี้ทั้งๆ
ที่ดวงจันทร์ยังไม่ได้ขึ้นฉายแสงบนท้องฟ้ากว้างเพราะตอนนี้เป็นเวลาแค่บ่ายสามสี่สิบสองอยู่เลยด้วยซ้ำ
มาร์กลับกำลังรู้สึกต้องการและกระหายมากขึ้นเรื่อยๆ
จนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่ต้องลงไปแล้ว
อย่าลืมที่พี่บอกนะครับ”
จาร์พยักหน้ารับในอกของคนพี่ก่อนที่จะผละตัวออกและปล่อยให้มาร์เดินมายังประตูทางลงไปยังห้องใต้ดินที่สร้างเอาไว้เพื่อใช้ในเหตุการณ์แบบนี้
มาร์เดินมายังห้องใต้ดินที่ถูกสร้างอย่างแน่นหนาเอาไว้
ชิ้นส่วนทุกอย่างที่ใช้ในการสร้างห้องนี้คือเหล็กกล้ามันแข็งแรงมากพอสมควรที่มาร์จะไม่สามารถพังมันออกไปได้ในคืนวันนี้
คนตัวสูงที่สวมเพียงกางเกงขายาวสีดำก้าวเดินไปยังโซ่ตรวนที่ถูกตรึงห้อยกับผนังเอาไว้
มาร์สอดข้อมือเข้าไปที่ตัวล็อกข้อมือทั้งสองข้างทันทีที่รับรู้ว่าร่างกายของตัวเองกำลังร้อนรุ่ม
เส้นเลือดปูดโปดจนเห็นชัดทั่วร่างกายของมาร์
นัยน์ตาสีดำนิลแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเหมือนกับสีทับทิมอันเป็นอัญมณีล้ำค่า
ก่อนที่โซ่หนาอันเป็นที่พันธนาการจะถูกมาร์สวมใส่จนเรียบร้อยในเวลาเดียวกับที่อุณหภูมิตัวเขาพุ่งสูงขึ้นและอาการคลั่งระรอกแรกจะโถมเข้ามาใส่มาร์
ร่างกายของอีกคนเผยรอยกล้ามเนื้อชัดเจนในยามที่กายแกร่งเกร็ง
เส้นเลือดจากสีเขียวเข้มกลับเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
ยิ่งเวลาใกล้ถึงยามย่ำค่ำคืนเมื่อไหร่มาร์ก็ยิ่งคลั่งมากกว่าเดิมหลายพันเท่า
เสียงโซ่ตรวนกระทบเข้ากับผนังจนก้องไปหมดปะปนกับเสียงร้องคำรามของมาร์ที่ดูดุและก้าวร้าวราวกับว่าไม่ใช่มาร์คนใจดีในยามปกติและในยามที่ดวงจันทร์สีเลือดสาดแสงลงมายังโลก
ชั้นใต้ดินอันเป็นที่คุมขังมาร์ก็เกิดการสั่นตึงและกึกก้องด้วยแรงกระแทกจากโซ่หนามากกว่าเดิมรวมทั้งพลังของมหาอำนาจบุตรแห่งปีศาจที่แผลงฤทธิ์ออกมาจนเหล็กกล้าหลายหมื่นตันที่ถูกนำมาก่อสร้างห้องชั้นใต้ดินนี้เกิดการบุบสลายและพังไปเป็นบางส่วน
นาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียวบ่งบอกเวลาตีสี่สามสิห้าอย่างชัดเจนและในท่ามกลางความมืดที่ลอยปกคลุมอยู่ด้วยตากลมใสของจาร์ก็ยังคงนอนเหม่อมองเพดานอยู่อย่างนั้น
จาร์ได้พบเห็นแล้วว่าดวงจันทร์สีเลือดนั่นเป็นอย่างไรท่ามกลางท้องฟ้าใหญ่
คนบนเตียงพลิกตัวหันไปมองประตูห้องนอนที่ถูกล็อกอย่าแน่นหนาด้วยฝีมือตัวเอง
จาร์กำลังรู้สึกเป็นห่วงมาร์จนนอนไม่หลับเจ้าของร่างเพรียวนอนพลิกตัวไปจนทั่วเตียงและนอนมองบานประตูเลื่อนสีใสที่ถูกล็อกอย่างดีเช่นเดียวด้วยความเหม่อลอยและห่วงใจจนเต็มอก
สายตาเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งปรากฏเวลาตีสี่ห้าสิบห้าก่อนที่เจ้าของร่างเพรียวจะลุกขึ้นนั่งก่อนที่จะก้าวเดินลงจากเตียงไปยังประตูที่ถูกล็อกแน่นหนาเพราะตัวเองทนความเป็นห่วงมาร์ไม่ไหว
จาร์เปิดประตูห้องออกช้าๆ
ก่อนที่จะเดินออกมายืนนอกห้องด้วยความเป็นกังวล
จาร์เอ่ยขอโทษมาร์ร่ำไปเพราะตัวเองกำลังฝ่าฝืนสิ่งที่มาร์ห้ามเอาไว้อย่างเคร่งครัด
แต่ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังเดินผ่านห้องชั้นบนเพื่อจะไปทางห้องใต้ดินจาร์ถึงกับต้องชะงัก
ประตูห้องนอนของมาร์เปิดอ้ากว้างอยู่นั่นทำให้คนน้องรีบก้าวเท้าเดินไปด้านห้องมาร์ทันที
จาร์เดินเข้าไปในห้องนอนของมาร์อย่างถือวิสาสะ
ดวงตากลมใสสอดส่ายสายตามองห้องนอนของมาร์ท่ามกลางความมืดสลัวก่อนที่จะพบคนพี่ที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนอนของตัวเอง
มาร์ไม่ได้ใส่เสื้อแต่ใส่เพียงกางเกงขายาวสีดำเพียงอย่างเดียวและบนผิวกายขาวปรากฏรอยเส้นเลือดสีเขียวเข้มที่ปูดโปนจนเห็นได้ชัด
จาร์เดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งของอีกคนก่อนที่จะส่งมือเข้าไปใกล้เพื่อหวังจะจับไหล่ของคนพี่
“อะ!”
“จาร์! พี่บอกว่าอย่าออกมาไง!”
มาร์ตวาดลั่นในตอนที่เขาคว้าเอาคนน้องลงไปนอนบนเตียงใต้อาณัติของเขาแล้วเรียบร้อย
จาร์สะดุ้งตัวด้วยความกลัวที่เห็นดวงตาวาวโรจน์แดงฉานของมาร์ไหนจะเสียงตวาดดังเมื่อครู่อีกคนน้องจึงพยายามกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้
“จ
จาร์แค่เป็นห่วงพี่มาร์”
“แม่งเอ้ย!”
มาร์สบถคำหยาบออกมาในตอนที่เขาเห็นเสื้อนอนของคนน้องเลิกเปิดขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนขาวเนียน
มือทั้งสองข้างที่ใช้เป็นฐานค้ำยันตัวเองกับผืนเตียงออกแรงกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่ออาการคลั่งที่เขาคิดว่ามันกำลังจะสงบลงไปแล้วกลับพวยพุ่งขึ้นมาอีกระรอก
เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะหมดอาการคลั่งไปจึงพาตัวเองกลับขึ้นมานอนพักแต่ทุกอย่างกลับผิดคาดเขาไปหมดในตอนที่จาร์เดินเขามาในห้อง
มาร์รับรู้ว่านอนออกจากห้องนอนของตัวเองมาเพราะกลิ่นเลือดอันหอมเย้ายวนภายในกายของน้องมันลอยมาตีเข้าที่จมูกของเขาอย่างจังมิหนำซ้ำความต้องการของเขาก็กลับมาอีกรอบเมื่อกลิ่นของน้องนั้นหนาหนักมากขึ้นในตอนที่จาร์เดินเข้ามาในห้องนอนของเขา
“ฮึก
พี่มาร์เป็นอะไรครับ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้จาร์
ออกไป”
มาร์พยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้ตวาดออกมาอีกรอบเมื่อคนน้องกำลังนอนน้ำตาไหลรินอยู่ใต้ร่างของเขาด้วยความน่าสงสาร
มาร์แทบจะคลั่งตายเมื่อเห็นหยาดน้ำสีใสไหลรินออกจากหางตาของน้อง
เขากำลังรู้สึกอยากรังแกและปัดป้ายความมืดทมิฬให้กับผ้าขาวที่เขาเฝ้าถนถนอมมานานจนเส้นสติแทบจะขาดผึง
“ฮือ
จาร์ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลยเหรอครับ
จาร์เป็นห่วงพี่นะ”
ยิ่งขูดกลายเป็นว่าคำพูดเหล่านั้นคงกำลังทำให้คนน้องคิดว่าเขากำลังโกรธอีกฝ่ายไปไม่ก็ทำให้น้องรู้สึกถูกผลักไสอย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
มาร์กัดฟันกรอดเพื่อระงับความอยากก่อนที่จะส่งฝ่ามืออันร้อยระอุของตัวเองไปลูบไล้แก้มนิ่มและส่งปลายนิ้วไปเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้น้อง
“พี่ยังไม่หมดอาการคลั่ง
ถ้าเราอยู่ตอนนี้เราจะเป็นอันตรายเพราะฉะนั้นจาร์ออกไปนะครับ
รีบออกไปเดี๋ยวนี้”
“พ
พี่มาร์”
“….”
“ให้จาร์ช่วยได้มั้ย
จาร์ช่วยพี่ได้มั้ย”
มาร์จ้องมองดวงตาสุกใสของคนน้องที่กำลังมองเขาด้วยความสั่นไหว
อีกฝ่ายคงรู้ว่าเขาเป็นอะไรและคงรู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรออกมา
มาร์ตัดสินใจยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับน้องก่อนที่จะมองไล่สายตาสำรวจทั่วใบหน้านวลก่อนที่ความร้อนรุ่มดั่งไฟโหมจะเป็นตัวจุดชนวนให้เขาตัดสินใจเอ่ยพูดบางอย่างออกไป
“เราพร้อมที่จะถูกผูกมัดกับพี่อย่างนั้นเหรอ”
“ครับ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ทำให้ได้อยู่กับพี่ตลอดไป…”
“….”
“จาร์ยอมให้ทั้งชีวิต”
//
สิ้นเสียงคำพูดของจาร์ความอดทนทั้งหมดที่มาร์ก่อร่างสร้างเอาไว้ก็พังทลายลงในพริบตา เขากดริมฝีปากเข้าหากลีบปากนิ่มของคนน้องด้วยความหิวกระหายทั้งขบเม้มและดูดดึงกลีบปากล่างของน้องก่อนที่จะส่งปลายลิ้นร้อนออกมาไล่เลียไปทั่วกลีบปากของจาร์
ความชื้นแฉะของเรียวลิ้นร้อนถูกส่งเข้ามาภายในโพรงปากของจาร์ คนน้องตกใจจนเผลอหดลิ้นเล็กของตัวเองหนีแต่ก็ถูกคนพี่ตามมาเอาลิ้นตวัดพันเกี่ยวกันจนจาร์ตัวสะท้านเพราะร้อนจูบอันเร้าร้อน
ฝ่ามือหนาของมาร์จับเข้าที่เอวคอดก่อนที่จะดึงรั้งร่างของคนน้องให้เข้ามาใกล้และแนบชิดกับร่างของมาร์มากขึ้น เสียงอืออึงในลำคอดังขึ้นเมื่อจาร์ใกล้จะหมดลมหายใจเพราะรสจูบที่ไม่มีอันสิ้นสุดของมาร์และมันกำลังทำให้คนน้องแทบขาดใจตายคาอกของอีกคนในเวลาไม่ช้า
“แฮ่ก อือ พี่มาร์”
จาร์ที่ถูกปล่อยริมฝีปากให้เป็นอิสระหอบหายใจได้เพียงครู่ก็ร้องเรียกชื่อของคนพี่ที่อยู่ด้านบนร่างที่กำลังเปิดเสื้อของจาร์ขึ้นจนเห็นหน้าอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงเพราะแรงอารมณ์ที่ถูกสั่งสมปลุกปั้น
ริมฝีปากของมาร์และเรียวลิ้นชื้นถูกส่งออกมาหยอกล้อกับยอดอกของจาร์ด้วยความเนิบช้าก่อนที่ริมฝีปากจะทำการครอบครองยอดอกชูชันนั่นหมดทั้งยังดูดดึงจนผิวกายขาวผ่องและยอดอกเล็กขึ้นสีแดงจัด
มาร์ขยับเลื่อนตัวลงทั้งยังไล่ริมฝีปากลากผ่านผิวกายของน้องไปด้วยพร้อมทั้งใช้ฟันซี่คมขบและดูดเม้มสร้างรอยสีแดงช้ำบนหน้าท้องของจาร์จนดอกกุหลาบเบ่งบานเต็มไปหมดทั้งตัว
“อึก”
จาร์กลั้นเสียงของตัวเองทันทีที่ริมฝีปากบากร้อนของคนพี่ลากผ่านมาถึงกางเกงนอนขาสั้นสีขาวของน้อง มาร์กดจูบส่วนอ่อนไหวของจาร์ผ่านเนื้อผ้านั่นทำให้คนน้องหน้าร้อนผ่าวมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมจนต้องยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าของตัวเอง
อารมณ์ของจารำกำลังขึ้นลงและผาดโผนราวกับเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียวอยู่ หัวใจเต้นระรัวไม่เป็นส่ำยามที่ริมฝีปากและฝ่ามือหน้าลากไล้ไปทั่วร่างกายของจาร์ด้วยความชอบใจ
คนน้องตัวเกร็งอีกครั้งเมื่อมาร์กดริมฝีปากและปลายจมูกโด่งลงกับผิวเนียนที่ขาอ่อนด้านในก่อนจะส่งปลายลิ้นชื้นออกมาเลียและขบเม้มสร้างรอยอีกครั้งจนเนื้อขาด้านในเกิดร่องรอยสีกุหลาบหลากหลายดอก
จาร์ผงกหัวขึ้นมองในตอนที่คนพี่กำลังสนุกกับการขบเม้มสร้างรอยบนเรือนร่างตัวเองด้วยความรู้สึกที่บิดมวนและเสียวซ่านขึ้นมาเรื่อยๆ
อารมณ์ของจาร์พุ่งทะยานขึ้นในยามที่มาร์เคลื่อนตัวกลับขึ้นมาแล้วโถมทับร่างกายลงมาหาจาร์จนอะไรต่อมิอะไรของเราเสียดสีกันผ่านเนื้อผ้าในยามที่เรากำลังขยับตัวเบียดเข้าหากันส่วนริมฝีปากบางที่แดงจัดก็ถูกครอบครองเพื่อตักตวงเอาความหอมหวานอีกครั้ง
มาร์รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรในตอนนี้สติของเขามีครบถ้วนทุกอย่างแต่กลับควบคุมร่างกายของตัวเองไม่ได้ แต่ถึงแม้จะบอกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้แต่อีกใจของมาร์เองก็กู่ร้องออกมาว่าต้องการจาร์เสียจนแทบคลั่งตายมากกว่าเดิม
เสื้อของคนน้องถูกถอดออกโดยมาร์ทันทีที่อีกคนหยัดกายขึ้นและจาร์เองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพื่อถอดเอาเสื้อนอนออกจากตัว ผิวกายเนียนละเอียดปรากฏต่อหน้ามาร์อย่างชัดเจนบวกกับร่องรอยสีแดงช้ำที่มาร์ทิ้งเอาไว้บนเรือนร่างของน้องแล้วยิ่งทำให้มาร์กัดฟันแน่นยิ่งกว่าเดิม
“อะ อา”
อารมณ์ในร่างกายของมาร์ปะทุและร้อนฉ่ามากกว่าเดิมในยามที่เขากำลังมองคนน้องนอนหอบหายใจจนหน้าอกเล็กๆ นั้นกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงจากการที่ถูกเขาสัมผัสเข้ากับส่วนอ่อนไหวไหนจะเสียงครางหวานหูที่น้องร้องออกมาเบาๆ ยามที่เขาขยับส่วนนั้นของจาร์อีก
จาร์ที่เห็นว่ามาร์มองตัวเองด้วยสายตาหื่นกระหายพราวระยับก็ยิ่งทำให้คนใต้อาณัติแทบจะมุดแผ่นดินหนีเสียให้ได้ คนน้องไม่เคยเจอมาร์ในโหมดที่ทั้งดิบและเร้าร้อนแบบนี้มาก่อนไหนจะรูปร่างกำยำแข็งแกร่งของคนพี่ที่กำลังกระตุ้นอารมณ์ของจาร์อยู่ตลอดยามที่น้องไล่สายตามองของคนพี่อีกหัวใจของคนน้องแทบจะทะลุออกมาห้ากอดเลยด้วยซ้ำ
มาร์ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไปเพราะน้องกำลังกัดริมฝีปากมองเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำราวกับน้ำเชื่อมนั่น มือแกร่งส่งไปถอดกางเกงน้องออกด้วยความรวดเร็วจนจารืจับเอาไว้แทบไม่ทันกางเกงอันไร้ประโยชน์ในตอนนี้ถูกโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดีรวมทั้งมาร์เองที่ขยับลงจากเตียงเพื่อถอดเอากางเกงของตัวเองออก
แต่สายตาพราวระยับนั้นยังคงทอดมองร่างกายผ่องที่ขึ้นสีแดงบนเตียงด้วยอารมณ์ที่พุ่งแตะเพดานเสียจนแทบทะลุ จาร์ที่เห็นคนพี่ถอดเอากางเกงออกแล้วก็รีบหลบสายตาไปมองทางอื่นทันทีเพราะส่วนกลางกายของมาร์มันโดดเด่นเสียจนจาร์รีบบิดหุบขาเข้าหากัน
มาร์ที่เห็นแบบนั้นก็กลับขึ้นเตียงและแหวกขาของน้องออกก่อนที่จะแทรกตัวไประหว่างขาของคนอายุน้อยกว่าแล้ววางมือเท้าคร่อมตัวของจาร์เอาไว้อีกครั้งพร้อมกับไล่สายตามองแล้วเลื่อนมือลงไปสัมผัสตัวตนของน้องที่แข็งขืนขึ้นมาพลางขยับรูดรั้งอย่างเนิบนาบ
“อา”
จาร์ครางออกมาเสียงกระเส่าพลางส่งไปมือไปบีบเข้าที่ไหล่ของคนพี่ มารืก้มใบหน้าลงไปใกล้น้องในตอนที่จาร์กำลังปิดเปลือกตาอยู่เพราะการปรนเปรอของเขาก่อนที่จะเอ่ยพูดออกมาข้างหูของจาร์ด้วยเสียงเบาๆ
“พลิกตัวให้พี่หน่อยครับ”
จาร์ทำตามที่มาร์บอกอย่างว่าง่ายก่อนที่คนพี่จะจับสะโพกบางรั้งให้คนน้องตั้งขาขึ้นมาจนสะโพกลอยเด่น จาร์คว้าหมอนมากอดเอาไว้พร้อมกับซุกใบหน้าแดงซ่านของตัวเองเนื่องจากท่าทางในตอนนี้ช่างลามกเสียเหลือเกิน
คนน้องรับรู้ถึงแผ่นอกของมาร์ที่ทาบทับลงมาที่หลังของตัวเองรวมทั้งลมหายใจร้อน ผิวเนื้อของเราทั้งคู่สัมผัสเสียดสีกันอย่าแนบชิดยามที่คนพี่ขยับเลื่อนตัวมาคลอเคลียที่ท้ายทอยและใบหูนิ่มของจาร์ก่อนที่จะส่งนิ้วไปที่ช่องทางด้านหลังแล้ววนนิ้วรอบรอยจีบจนจาร์ขนกายลุกทั้งทั่ว
“อือ พี่มาร์”
“คนดีพี่จะใส่เข้าไปแล้วนะครับ”
คนใจดีอ่อนโยของจาร์กลับกลายเป็นคนหื่นกระหายและลามกไม่น้อย จาร์ไม่ได้ตอบกลับอีกฝ่ายไปแต่พยักหน้าช้าๆ รับแทนก่อนที่จะกัดริมฝีปากตัวเองเมื่อปลายนิ้วของคนพี่กำลังรุกล้ำเข้ามาในตัวของน้องทีละนิด
“อะ”
“อย่าเกร็งครับ”
มาร์จับใบหน้าของน้องให้หันมาทางฝั่งที่เขาถนัดก่อนที่จะกดจูบเพื่อแลกเปลี่ยนความหวานหยดกับน้องอีกครั้งพร้อมทั้งส่งมืออ้อมตัวไปรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของจาร์เพื่อเบนความสนใจของน้องจากนิ้วของตัวเองที่กำลังสอดเข้าไปในตัวของอีกคน
จาร์ครางในลำคอเมื่อมือของเขาที่รั้งส่วนกลางกายของน้องอยู่เพิ่มความเร็วขึ้นก่อนที่คนพี่จะผละใบหน้าออกมาแล้วไล่ริมฝีปากกดจูบที่แก้มผ่องที่แดงระเรื่อรวมทั้งไหล่ลาดและแผ่นหลังของน้องพลางทำร่องรอยสีแดงช้ำตราความเป็นเจ้าของเอาไว้อีกด้วยเช่นกัน
แค่เพียงไม่นานนิ้วยาวของมาร์ก็เข้าไปจนสุด ผนังร้อนและอ่อนนุ่มของคนน้องตอดรัดนิ้วของมาร์ระรัวจนเขากัดแน่นเพื่อข่มอารมณ์คลั่งของตัวเอาไว้ให้มากที่สุดเพื่อกันไม่ให้เขาสติหลุดจนทำน้องเจ็บได้ เวลาแบบนี้เขาอยากถนอมน้องให้มากๆ จึงค่อยพยายามทำอย่างช้าๆ ไม่ให้จาร์เกิดการเกร็งหรือกลัวเขาและไม่อยากให้น้องเจ็บตัวกับการเอาแต่ใจที่ไม่ได้ตั้งตัวของเขาในตอนนี้
มาร์เริ่มขยับนิ้วถี่ขึ้นเมื่อรับรู้ว่าน้องผ่อนคลายลงมาเยอะแล้ว คนใต้ร่างเขากำลังส่งเสียงครางออกมาเรื่อยๆ และพอเป็นแบบนั้นขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโดนกระตุ้นมากกว่าเดิมไหนจะช่องทางอุ่นที่ค่อยตอดรัดนิ้วของมาร์อยู่ตอนนี้อีก
“อือ”
จาร์ส่งเสียงในลำคออกมาเมื่อคนพี่ปรนเปรอเขาจนปลดปล่อยออกมาเป็นสายและเปรอะเปื้อนมือของมาร์เต็มไปหมด จาร์หอบหายใจเข้าออกเมื่อการกระทำของมาร์ทำให้คนน้องเหนื่อยอยู่พอสมควรแต่น้องก็ต้องเกิดอาการเสียววูบเมื่อตัวตนของคนพี่กำลังมาจ่ออยู่ที่ด้านหลัง
“พี่จะเข้าไปจริงๆ แล้วนะครับ”
“ค ครับ อะ”
สิ้นเสียงพูดอนุญาตของจาร์คนพี่ก็กดส่วนหัวเข้ามาจนคนน้องร้องออกมาเบาๆ มาร์กัดฟันทนอีกครั้งเพราะแค่ส่วนหัวที่เขาเข้าไปก็แทบเสียวแทบจะคลั่งตาย ในห้วงอารมณ์อันเดือดระอุเขาอยากจะกระแทกกระทั้นเข้าไปด้านในให้แรงๆ ให้รู้แล้วรู้รอดแต่มาร์ก็ยังประคองสติของตัวเองได้ดีจนไม่ได้ลงมือทำรุนแรงกับน้องจนเกินไป
“อือ พี่มาร์ จ จาร์เจ็บ”
“ชู่ว อย่าเกร็งนะครับคนดี”
มาร์เอ่ยบอกด้วยเสียงออกโยนแต่กรามก็ยังขบเข้าหากันแน่น เขาหายใจแรงอย่างกลั้นอารมณ์สุดฤทธิ์ด้านคนใต้ร่างเองก็ค่อยๆ ผ่อนคลายทีละนิดฟันซี่สวยกัดเข้าที่ข้อมือของตัวเองเพราะความเจ็บแปลบที่แล่นเข้ามาแต่ก็มีความเสียวซ่านในยามที่จาร์โอบรัดตัวตนของมาร์แน่นเช่นเดียวกัน
มาร์กดตัวเข้าไปจนสุดลำก่อนที่จะโถมตัวไปด้านนหน้าเพื่อก้มลงไปจูบไหล่และพวงแก้มของน้องแต่นั้นก็ทำให้จาร์ส่งเสียงร้องออกมาเพราะตัวตนของคนพี่มันกำลังเข้าไปลึกมากกว่าเดิมและมัทำให้จาร์รู้สึกเสียวซ่านวูบไหวมากกว่าเดิมหลายเท่า
“อ่า”
จาร์อ้าปากร้องออกมกาเสียงหลงเมื่อมาร์เริ่มขยับสวนตัวตนของตัวเองในช่องทางด้านหลังของเขา จาร์กัดนิ้วของตัวเองพลางครางออกมาเพราะตัวตนอันใหญ่โตของมาร์กำลังเสียดสีอยู่ภายในอย่างเอาแต่ช่องทางสีสวยก็โอบรัดคนพี่ระรัวเช่นเดียวกัน
มาร์ดันตัวเองขึ้นจากการทาบทับหลังของคนน้องก่อนจะวางมือสอดประสานกับมือเรียวทั้งสองข้างนั้นรวมทั้งค่ำยันตัวเองเอาไว้กับผืนเตียงเพื่ออยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนจะสอยสะโพกเข้าออกในตัวน้องเมื่ออารมณ์ร่วมของเรากำลังทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดวงตาสีแดงราวกับทับทิมยังทอประกายความพราวระยับออกมาและทอดสายตามองคนใต้อาณัติที่กำลังหลับตาพริ้มอ้าปากแดงๆ นั่นเพื่อครางร้องเสียงหวานออกมาให้เขาได้ยิน คนตัวบางใต้ร่างของมาร์กำลังตัวสั่นคลอนและขยับไปตามแรงกระทำของเขาจนตัวของน้องขยับเลื่อนขึ้นด้านบนมากกว่าเดิม
“อะ อา”
“อืม”
จาร์ตัวสั่นสะท้านเมื่อตัวตนของมาร์กระแทกเข้ามาโดนจุดกระสันจนรู้สึกเสียวซ่านและบิดมวนมากกว่าเดิมส่วนอ่อนไหวของจาร์เองก็กลับมาแข็งขืนขึ้นอีกครั้งและตรงนั้นกำลังถูกรูดรั้งด้วยฝ่ามือของมาร์อีกรอบ
มาร์ส่งเสียงร้องในลำคอเมื่อช่องทางสีสวยของน้องที่เขากำลังขยับเข้าออกอยู่เพิ่มตอดรัดเข้าถี่ระรัวมากขึ้น มาร์จึงยิ่งสอยสะโพกให้ถี่ขึ้นรวมทั้งขยับมือที่รูดรั้งตัวตนน้องอยู่ให้สอดเข้ากับจังหวะซอยสะโพกของตัวเอง
“อะ พี่ ม มาร์”
“พี่กลัวเราเมื่อย เปลี่ยนท่าก็น่าจะดีนะครับ”
คนพี่เอ่ยพูดออกมาเมื่อจับจาร์พลิกตัวกลับมานอนหงายโดยที่ตัวตนของเรายังสอดเชื่อมประสานกันอยู่ดังเดิม จาร์หน้าระเรื่อขึ้นมาอีกเท่าตัวเมื่อมาร์พูดประโยคแสนลามกออกมาพร้อมทั้งจับเอาแขนทั้งสองข้างของคนน้องไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้อีกทั้งยังเริ่มขยับสะโพกซอยเข้าออกต่อทันทีจนจาร์หายใจแทบไม่ทันเพราะกำลังรู้สึกเหมือนจะสำลักความเสียวที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้
คนน้องหลับตาลงและเชิดใบหน้าหวานชื้นเหงื่อนั่นขึ้นเมื่ออารมณ์ของตัวเองนั้นกำลังจะใกล้ถึงจุดหมายแล้วตัวของจาร์เองก็กำลังหดเกร็งมากขึ้นจนต้องรั้งตัวของคนพี่ลงมากอดเอาไว้แน่น
“จิกพี่ได้ กัดพี่ได้นะครับเด็กดี ถ้าเราเสียว”
คำพูดแสนลามกถูกเอ่ยออกมาอีกครั้งแต่จาร์ก็ทำตามที่มาร์บอกเพราะในอกของเขาตอนนี้เสียวจนสะท้านไปหมด เล็บสะอาดจิกลงบนแผ่นหลังกว้างและฟันซี่สวยเองก็กัดเข้าที่ไหล่ข้างซ้ายของมาร์ทันที
ทั้งจาร์และมาร์ต่างก็ส่งเสียงออกมาปะปนกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังก้องอยู่ทั่วห้องก่อนที่ร่างกายของทั้งคู่จะเกร็งมากขึ้นเมื่อปลายทางมาถึง ตัวตนของมาร์กระตุกเกร็งและปลดปล่อยหยาดน้ำรักออกมาจนเติมเต็มภายในช่องทางของน้องให้มันไหลย้อนออกมารวมทั้งคนน้องที่ถูกปรนเปรอจนปล่อยออกมาเลอะมือหนาของมาร์และหน้าท้องของตัวเอง
“อึก อือ”
จาร์ถูกจูบอีกครั้งจากคนด้านบนกลีบปากบางอ้ารับเรียวลิ้นของมาร์ที่เข้ามารุกล้ำ ด้านมาร์ที่พอได้ปลดปล่อยในตัวน้องแล้วกำลังรู้สึกว่าความคลั่งของตัวเองลดลงลงมาบ้างแต่ก็ยังคงหลงเหลืออยู่และจากการกระทำที่เขากำลังทำอยู่ทำให้มาร์เริ่มรู้สึกอีกครั้งเพราะมันเองก็กระตุ้นให้น้องตอดรัดเขาระรัวอีกรอบ
“พี่มาร์”
“ครับ”
“จ จะต่ออีกรอบเหรอ”
“ได้หรือเปล่าครับ ถ้าเราไม่ไหวพี่จะไปจัดการตัวเองแทน”
“อือ ได้ครับ”
คำพูดอนุญาตของน้องถูกเอ่ยออกมาด้วยเสสียงเบาก่อนที่มาร์จะเริ่มกอดน้องอีกครั้งแต่ในครั้งนี้เขาอ่อนโยนและไม่เอาแต่เหมือนครั้งแรก ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยนเสียจนจาร์เองก็แทบจะขาดใจเช่นกัน
พระอาทิตย์ที่เป็นนาฬิกาธรรมชาติกำลังเคลื่อนตัวขึ้นท้องฟ้าให้ได้เห็นและกำลังเผยแสงทีละนิด ทำให้รู้ว่าเวลาที่ทั้งคู่กำลังกกกอดกันนั้นผ่านไปเรื่อยๆ และทั้งคู่เองก็ไม่รู้ว่าครั้งที่สองของพวกเขามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่กันแน่แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าการกระทำในครั้งนี้จะเป็นตัวผูกมัดเราเอาไว้ตลอดกาล
//
“จาร์”
“พี่มาร์ตกใจหมดเลย”
คนน้องสะดุ้งตัวเล็กน้อยพลางเอ่ยพูดออกมาในตอนที่รับรู้ถึงอ้อมกอดที่มาจากด้านหลัง มือเรียววางทับลงบนแขนของมาร์ก่อนที่จะมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนตรงหน้าดังเดิม
“ออกมาทำอะไรดึกๆ ตอนนี้”
“นอนไม่หลับครับ”
“ทำไมล่ะครับ”
“รอพี่นั้นแหละ”
จาร์เอ่ยบอกออกมาพลางหันตัวไปมองคนพี่ที่กำลังยิ้มให้บางๆ หลังจากผ่านคืนนั้นมาก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มแล้ว ทั้งมาร์และจาร์เปลี่ยนความสัมพันธ์จากพี่น้องกลับกลายมาเป็นคนรักแทน แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากมายนักเพรามาร์ให้เหตุผลว่าทั้งชีวิตที่มาร์ดูและเขามานั้นคือการดูแลแบบคนรักมาตลอด
ในตอนแรกที่เขาได้ยินจาร์รู้สึกทำตัวไม่ถูกและรู้สึกเก้อเขินอย่างมากเพราะเมื่อก่อนเขาเพียงแค่คิดไปเองเท่านั้นแต่พอได้รับคำยืนยันจากปากคนพี่แล้วจาร์ก็รู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่น้อยอีกทั้งยังรู้สึกขอบคุณมาร์ที่ค่อยดูแลเขามาตลอดด้วยเช่นกัน
“งั้นก็ไปนอนกัน”
“พี่ทำงานเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้วครับ”
อันที่จริงมาร์ยังทำงานไม่เสร็จหรอกแต่สำหรับอมนุษย์ที่ค่อนไปทางปีศาจแล้วการทำงานอย่างนี้ไม่ใช่ปัญหาเสียเท่าไหร่รวมถึงการนอนหลับด้วยเช่นกันถึงเขาจะไม่นอนเลยมันก็ไม่ใช่ปัญหาต่อสุขภาพเลยด้วยซ้ำแต่ที่เขาเข้านอนทุกวันก็เพราะคนตรงหน้านี่ต่างหาก
การได้นอนกอดคนรักแล้วหลับไปก่อนจะตื่นเช้ามานอนมองอีกคนที่หลับอยู่ในอ้อมกอดเค้าในเช้าวันใหม่มันเป็นอะไรที่เขาต้องการมาตลอดสองพันปีที่ผ่านมา
มาร์เป็นพวกยึดติดและผูกพันเขารู้ว่าที่ตัวเองรอวิญญาณดวงใหม่ของจูเลียน่ามาเกิดใหม่เพราะตัวเองรักอีกฝ่ายมากจริงๆ จนยอมเฝ้ารออีกคนมาจนถึงสองพันปีแบบนี้นั่นทำให้เขาเฝ้าขอบคุณจาร์ทุกครั้งที่ได้สัมผัสตัวหรือพูดคุยกันตลอด
“พรุ่งนี้จาร์หยุด จาร์ไปบริษัทกับพี่มาร์ได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
“งั้นจาร์จะเอาหนังสือไปอ่านด้วย”
“ช่วงนี้ติดพี่จังเลยนะ”
มาร์เอ่ยแซวคนรักของตัวเองในตอนที่น้องพูดออกมาพร้อมทั้งขยับตัวสอดเข้ามาในอ้อมแขนเขาตอนที่เรานอนลงบนเตียงกว้างแล้วเรียบร้อย
“หรือจะให้จาร์ไปติดเพื่อนที่ไฮสคูลดีล่ะครับ”
“ตัวแสบ”
มาร์กดจูบที่ริมฝีปากสีสดของน้องเบาๆ ด้วยความมั่นเขี้ยวก่อนที่จะผละใบหน้าออกมามองเจ้าของดวงตากลมสุกใสที่กำลังจ้องเขาอยู่ตั้งแต่ตอนแรก
“ก็จาร์มีพี่คนเดียวนี่จะให้ติดใครล่ะครับ อีกอย่างพี่เป็นคนรักของจาร์นะ งอนแล้ว”
จาร์มักจะพูดคำพูดคำจาที่น่ารักแบบนี้ออกมาเสมอและเขาก็รู้ว่าน้องไม่ได้โกรธอะไรจริงจังถึงอีกฝ่ายจะโกรธกันเขาก็พร้อมที่จำขอโทษและง้อน้องเสมอ
“เด็กดี จะให้พี่ง้อแบบไหนล่ะครับ”
มาร์เอ่ยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์แบบที่จาร์ฟังแล้วรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะไม่ปลอดภัยพลางยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วแนบหน้าผากเข้าหาคนน้อง
“ม ไม่ต้องมาพูดแบบนี้เลยนะ”
“หึ ครับ ถ้าอย่างนั้นเรานอนได้แล้ว”
“อือ”
ริมฝีปากของมาร์กดจูบลงที่หน้าผาก เปลือกตา พวงแก้มใส ปลายจมูก และจบลงที่ริมฝีปากแบบที่เขาทำประจำก่อนที่จะนอนมองคนน้องจนอีกฝ่ายหลับสนิทจึงถึงคราวที่เขาต้องหลับตามอีกคนไป
“จาร์นั่งอ่านหนังสือตรงนี้นะครับ”
คนน้องหยิบหนังสือหลายเล่มของตัวเองออกมาพลางพูดบอกมาร์ที่กำลังวางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะก่อนที่คนพี่จะหันมามองและเดินเข้ามาใกล้ๆ
“ไม่เข้าไปนั่งในห้องพักพี่เหรอ”
“ไม่ครับ วันนี้จะมาจับผิดคุณประธานบริษัทว่าแอบนัดใครมาหรือเปล่า”
“พี่รอเรามาตั้งสองพันปีเลยนะครับ เราไม่เชื่อใจพี่เลยเหรอ”
“พี่นี่นะ เดี๋ยวนี้ชอบทำหน้าอ้อนนะรู้ตัวมั้ย”
คนน้องพูดบอกออกมาพลางยื่นมือทั้งสองข้างไปประคองแก้มของมาร์เอาไว้ก่อนที่จะยื่นใบหน้าน่ารักของตัวเองเข้าไปใกล้คนพี่ที่กำลังมองอยู่อย่างเงียบๆ
“ไม่รู้ครับ”
“งั้นก็ไม่รู้ต่อไปเลยครับ”
จาร์บอกออกมาก่อนที่จะเอามือออกากแก้มทั้งสองข้างของมาร์แต่ก็ต้องถูกคนพี่รั้งมือเอาไว้ดังเดิม พร้อมกับยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ซ้ำยังจ้องตากันไม่กระพริบอีกราวกับมีเลศนัย
“แต่จาร์ก็อ้อนพี่เหมือนกันนะครับ”
“จาร์ก็อ้อนตลอดนี่”
“ใช่ อ้อนหนักด้วยเวลาที่พี่…”
คนน้องหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาในตอนที่มากำลังไล่สายตาโลมเลียไปทั่วทั้งร่างกายของเขาก่อนที่จะกลับมาหยุดที่ริมฝีปากบางของจาร์ที่ถูกเม้มเอาไว้
“ไม่ต้องพูดเลยคนลามก”
“ครับ ไม่พูดก็ได้”
“….”
“แต่ตอนนี้พี่อยากจูบเราจัง”
คนพี่เอ่ยบอกออกมาพลางไล่สายตากลับมามองสบกับเขาด้วยความออดอ้อนอีกครั้ง จาร์ใจเต้นระส่ำเมื่อมาร์รั้งมือที่แก้มของตัวเองลงมาวางไว้ที่ไหล่ด้วยความรวดเร็ว
“พี่มาร์ เดี๋ยว- อือ”
ยังไม่ทันที่จาร์จะได้พูดจบกลีบปากบางก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากของมาร์ คนพี่ขยับขบเม้มความนุ่มหยุ่นที่ตัวเองชอบช้าๆ ก่อนที่จะไล่ลิ้นเลียกลีบปากของน้องราวกับชิมผลไม้ชั้นเลิศและท้ายด้วยการขออนุญาตเข้าไปรุกล้ำด้านในเพื่อช่วงชิงเอาน้ำหวานจากคนน้อง
มาร์ตักตวงเอาความหวานของจาร์ภายในพร้อมทั้งดูดเม้มริมฝีปากล่างจนเจ่อแดงขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่วาดเรียวลิ้นแฉะเกี่ยวพันกันน้องคนน้องอย่างสนุกปากอยู่ด้านใน
มือเล็กบีบไหล่ของมาร์แน่นในตอนที่คนพี่สอดมือผ่านชายเสื้อเข้ามาด้านในเพื่อสัมผัสผิวกายละเอียดอย่างลื่นมือจนทำให้จาร์ส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดมากกว่านี้จาร์พยายามจะดันตัวเองออกในตอนที่ใกล้จะหมดลมหายแต่ว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน
“ว้าย ขอโทษค่ะประธาน”
เราทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็วในตอนที่เสียงของเลขาคนพี่เอ่ยร้องออกมา มาร์หันไปมองเลขาของตัวเองด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“มีอะไรมิเกล”
“มีประชุมอีกสิบนาทีค่ะ”
“อืม ขอบคุณที่มาเตือน”
“ค่ะ ขอตัวนะคะ”
เลขาสาวเปิดประตูแล้วก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วและคนพี่ก็หันมามองเขาอีกครั้งด้วยสายตาซุกซนไม่เหมือนท่านประธานเมื่อครู่ที่สุขุมนิ่ง
“พี่ยังจูบไม่พอเลย”
“พอ พอเลยครับ”
“แต่…”
“ไว้กลับบ้านก่อนนะครับ”
สุดท้ายเขาก็กลั้นใจพูดออกไปเมื่อทนเห็นสีหน้าออดอ้อนปะปนความอ้อนวอนของคนพี่ไม่ได้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่ปิดบังนั่นทำให้จาร์รู้ว่าเขาพลาดท่าให้กับแดรกคูล่าตรงหน้าอีกแล้ว
“พูดแล้วนะครับ”
“….”
“ถ้าถึงบ้านแล้วพี่จะทวงจนกว่าเราเพลียเลยครับ เตรียมใจไว้เลยนะ”
END
#UNTOLD213
อันนี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวเรือมาร์คมินนะคะ
อันนี้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับชาวเรือมาร์คมินนะคะ
มันอาจจะยาวไปสักนิดเพราะอย่างนั้นขอบคุณที่อ่านจบกันค่ะ
อาจจะจบห้วนๆ ไปก็ขออภัยกันด้วยนะคะแต่แค่นี้ก็คงอ่านตาแฉะกันแล้วเนอะ
5555
ขอบคุณที่มาเอ็นจอยกับ os
เรื่องนี้นะคะแล้วก็ขอบคุณที่มีมาร์คมิน
ขอบคุณที่มีชิเปอร์ ขอบคุณที่มีโมเม้นต์ค่ะ
ด้วยรักและสวัสดีวันปีใหม่นะคะทุกคน
gustmorning
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น